สมาคมโรงแรมไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมส่งสัญญาณฟื้นตัวแรง ชี้ยกเลิก Thailand Pass ขยายสิทธิ์ “เราเที่ยวด้วยกัน” ดันอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศเดือนก.ค. 65 พุ่ง 45.1% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนชัดเจน สัดส่วนลูกค้าต่างชาติขยับ
รายงานข่าวจากสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า สมาคมโรงแรมได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทำสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel Business Operator Sentiment Index) ประจำเดือนกรกฎาคม 2565 ระหว่างวันที่ 7-25 กรกฎาคม 2565 จากผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 118 แห่ง พบว่า อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 45.1% เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2565 ที่มีอัตราเฉลี่ยที่ 38.2%
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
โดยภาคใต้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงสุดที่ 49% รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 48.7% ภาคตะวันออก 46.9% ภาคกลาง 44.1% และภาคเหนือ 39.1% ทั้งนี้ เป็นผลจากการยกเลิก Thailand Pass และขยายสิทธิ์โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เป็นสำคัญ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น
สำหรับในส่วนของรายได้นั้นพบว่า โรงแรมในภาพรวมยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 แต่ส่วนหนึ่งรายได้เริ่มปรับดีขึ้นหลังมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2565 สะท้อนจากโรงแรมที่มีรายได้กลับมาไม่ถึง 30% มีสัดส่วนลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย และโรงแรมที่รายได้กลับมาแล้วเกินครึ่งหนึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงเดิมที่ 32% โดยกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว ฟื้นตัวได้ดีกว่า
ทั้งนี้ ลูกค้าของโรงแรมส่วนใหญ่ยังคงเป็นลูกค้าชาวไทย แต่มีลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น สะท้อนจากโรงแรมที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 50% ทยอยเพิ่มขึ้นหลังมีการผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 โดยกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชียและตะวันออกกลาง รองลงมา คือ ยุโรปตะวันตก
“แม้ธุรกิจโรงแรมจะเริ่มฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ แต่ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวที่ยังเข้ามาไม่มากนัก และกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอทำให้ปรับราคาได้ยาก อย่างไรก็ดี ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันปรับดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยโรงแรมส่วนใหญ่ยังถูกกดดันจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานในเกือบทุกแผนก”
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า เดือนกรกฎาคม 2565 โรงแรมมีการจ้างงานเฉลี่ยใกล้เคียงเดือนก่อนที่ 71.1% ของการจ้างงานเดิมก่อนเกิดวิกฤตโควิด อย่างไรก็ตาม โรงแรม 67% ยังไม่มีการปรับขึ้นค่าจ้าง
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังประเมินว่าธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว (เช่น รถทัวร์ ไกด์ นวดสปา สถานบันเทิง) ส่วนใหญ่ยังไม่กลับมาเปิดให้บริการเป็นปกติ มีเพียง 1 ใน 4 ที่กลับมาเปิดให้บริการมากกว่า 75% หรือเท่าก่อนเกิดโควิด โดยธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าภาคอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่าง ๆ อาทิ ความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน ความผันผวนของตลาดการเงิน นโยบายการเงินหากมีการขึ้นดอกเบี้ย ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะโรงแรมที่กู้เงินมาใช้เพื่อใช้ปรับปรุงโรงแรม ลงทุนอุปกรณ์ เครื่องจักรใหม่ จ้างพนักงานเพิ่ม และต้องมีเงินหมุนเวียนทำธุรกิจ