ททท.เบนเข็ม ดึงมาเลย์-อินเดีย รอจีนเที่ยวไทยปีหน้า 30 ล้านคน

นักท่องเที่ยว
Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP

ททท.โหมตลาด short haul มุ่งโฟกัสนักท่องเที่ยวมาเลย์-อินเดีย ตลาดเป้าหมายใหญ่ปีหน้า คาดปีนี้ตัวเลขมาเลย์ทะลุ 1.5 ล้านคน อินเดียแตะ 1 ล้านคน ตลาดเกาหลี-ญี่ปุ่นฟื้นแรง เร่งเจรจาสายการบินเพิ่มที่นั่งทั้งชาร์เตอร์ไฟลต์-เที่ยวบินประจำรับดีมานด์พุ่ง คาดจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบปี’66 ลุ้นพุ่ง 30 ล้านคน

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง คาดว่าในปี 2565 นักท่องเที่ยวจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะถึงเป้าหมาย 10 ล้านคน สร้างรายได้ราว 625,800 ล้านบาท โดยพบว่า นักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 ตุลาคม 2565 มีจำนวนสะสมรวม 7,565,049 คน

“มาเลย์-อินเดีย” ตลาดความหวัง

โดยเป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ (short haul) จำนวนสะสมรวม 4,939,175 คน คิดเป็นสัดส่วน 65% ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งหมด ดังนั้น กลยุทธ์หลักของ ททท.จะมุ่งเน้นทำตลาดการท่องเที่ยวระยะใกล้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะมาเลเซียและอินเดีย ซึ่งเป็น 2 ตลาดที่มีขนาดใหญ่

นายธเนศวร์กล่าวว่า ปัจจุบันมีชาวมาเลเซียเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 1,285,194 คน และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวรวม 1.5 ล้านคน และคาดว่าจะเป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มเป็น 3 ล้านคนใน 2566 (ปี 2562 มี 4 ล้านคน)

ส่วนตลาดการท่องเที่ยวอินเดีย คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีจำนวนราว 900,000-1,000,000 คน และคาดว่าจะมีชาวอินเดียออกเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยราว 1,425,000 คน ในปี 2566

ทั้งนี้ ททท.เตรียมเจาะตลาดเมืองรองของประเทศอินเดีย โดยปัจจุบันมีหลายสายการบินเปิดเส้นทางบินเมืองรอง เช่น ไทยแอร์เอเชีย (ลัคเนา, ชัยปุระ) ไทยเวียตเจ็ท (อาห์เมดาบัด) ส่วนการบินไทยและไทยสมายล์ยังมีแผนเปิดเส้นทางและเพิ่มเที่ยวบิน โดยอาจเพิ่มเที่ยวบินให้ได้ราว 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมถึงเตรียมจัดโครงการ Challo เป็นโครงการ nationwide ซึ่งมีแผนดำเนินการในพื้นที่ตลาดอินเดีย ในช่วงต้นปี 2566

นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นตลาดที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีเที่ยวบินกลับมาให้บริการแล้ว 62% ของช่วงก่อนโควิด-19 คาดว่าตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวราว 500,000 คน และในปี 2566 ททท.ตั้งเป้านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 1,080,000 คน

ด้านตลาดการท่องเที่ยวเวียดนาม ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้วราว 340,000 คน คาดว่าตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 520,000 คน คิดเป็นสัดส่วนราว 50% ของปี 2562

“เกาหลี” มาชาร์เตอร์ไฟลต์

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า สำหรับตลาดการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ มีความต้องการการเดินทางฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางเข้ามาแล้ว จำนวน 318,153 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวพักผ่อน นักกอล์ฟ นักธุรกิจ

ขณะที่สายการบินได้กลับมาให้บริการคิดเป็น 60% ของปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ททท.ได้มีความร่วมมือกับสายการบิน เพื่อเปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (charter) จำนวน 60 เที่ยวบินในเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 เดินทางเชื่อมเกาหลีและเชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางเข้าประเทศไทยปีนี้ที่ราว 500,000 คนตามเป้า และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.11 ล้านคน

เร่งแก้ปัญหาที่นั่งแอร์ไลน์สู่ญี่ปุ่น

นายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า สำหรับตลาดการท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั้นปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเวลานี้ตรงกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ทำให้เกิดปัญหาที่นั่งของสายการบินมีจำนวนน้อยกว่าความต้องการเดินทาง นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเดินทางมายังประเทศไทย อาจต้องเจอกับปัญหาสำรองบัตรโดยสารเดินทางกลับได้ยาก หรือมีราคาแพง

โดยปัจจุบันมีสายการบินของประเทศไทยที่ให้บริการเชื่อมเส้นทางไทย-ญี่ปุ่นอยู่จำนวนหนึ่ง เช่น ไทยแอร์เอเชีย, ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์, การบินไทย, ไทยเวียตเจ็ท และข้อมูลล่าสุดพบว่าหลายสายการบินมีแผนเพิ่มความถี่ กลับมาเปิดเส้นทางที่เคยให้บริการอยู่เดิม

ทั้งนี้ ททท.วางแผนแก้ปัญหาโดยการเตรียมเจรจากับสายการบินสัญชาติญี่ปุ่นให้มากขึ้น แต่เบื้องต้นเชื่อว่าหลังช่วงกลางมกราคมเป็นต้นไป สถานการณ์จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่นักเดินทางอาจจะยังต้องเจอราคาบัตรโดยสารที่แพงกว่าอดีตอยู่

ผนึก JNTO แลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ททท.ยังมีแผนจัดโครงการกระตุ้นตลาด คือ Ima Koso Thai E (It’s time to travel to Thailand-Now !) เป็นโครงการที่ ททท. 3 สำนักงานในญี่ปุ่น ร่วมกับบริษัทนำเที่ยวชั้นนำของญี่ปุ่น 7 บริษัท ส่งเสริมการขายร่วมกันเพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงสิ้นปี 2565 พร้อมทั้งเตรียมลงนาม (LOI) ร่วมกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันด้วย

“ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 ตุลาคม มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเดินทางมายังประเทศไทยแล้ว จำนวน 219,260 คน เชื่อว่าปลายปีนี้มีลุ้นถึงเป้าตลอดทั้งปีที่ 350,000 คน” นายชูวิทย์กล่าว

“ฮ่องกง-ไต้หวัน” เริ่มขยับ

นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า ตลาดการท่องเที่ยวฮ่องกงเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีการฟื้นตัวเร็วมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งมองประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสุดสัปดาห์ (weekend destination) แม้นักท่องเที่ยวจะใช้เวลาพักสั้นราว 2-3 คืนเท่านั้น แต่มีรายจ่ายจากการเดินทางท่องเที่ยวค่อนข้างสูง โดยในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงเดินทางเข้าประเทศไทยราว 1.1 ล้านคน

และปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวน 62,463 คน จากเป้าที่ตั้งไว้ราว 1 แสนคน คิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของปี 2562 ขณะที่ในปี 2565 ททท.ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวจากตลาดดังกล่าวเดินทางเข้าประเทศไทย 1.05 ล้านคน หรือฟื้นตัวในระดับเทียบเท่าก่อนการระบาดของโควิด

เช่นเดียวกับตลาดการท่องเที่ยวไต้หวันที่ ททท.ตั้งเป้าว่าในปี 2565 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันเดินทางเข้าประเทศไทยราว 60,000 คน จากปัจจุบันที่เดินทางเข้ามาแล้ว 40,124 คน โดย ททท.เตรียมเข้าร่วมงาน Taipei International Travel Fair ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4-7 พฤศจิกายนนี้

พร้อมทั้งออกแคมเปญ Tai Kuo Wo Lai Le ร่วมกับ 8 บริษัทนำเที่ยวชั้นนำ ส่งเสริมการขายแพ็กเกจทัวร์ราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นการเดินทางตลาดไต้หวัน

จีนยังปิดแต่สัญญาณบวกเริ่มมา

สำหรับตลาดจีนนั้น นายชูวิทย์กล่าวว่า แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าทางการจีนจะผ่อนคลายมาตรการเข้าออกพรมแดนเมื่อใด แต่คาดว่าอาจมีความชัดเจนขึ้นหลังการประชุมสองสภาของจีนที่จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2566

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณบวกจากทั้งทางภาครัฐ ภาคเอกชนจีนมากขึ้น โดยทางการจีนอนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในมหานครฉงชิ่ง และเซี่ยงไฮ้ นำเสนอแพ็กเกจ outbound ได้แล้ว

ทั้งนี้ ททท.มีแผนจับมือร่วมกับ Ctrip ตัวแทนด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) รายใหญ่ของจีน จัดกิจกรรมนำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของไทยผ่านระบบไลฟ์สตรีมมิ่ง ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของจีน

นอกจากนี้ สายการบินสปริงแอร์ ยังเตรียมจัดกิจกรรม FAM Trip นำอินฟลูเอ็นเซอร์เดินทางมายังประเทศไทย ขณะที่ฝั่ง ททท.เองก็เตรียมจัดกิจกรรม FAM Trip นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่จากจีน เดินทางมายังประเทศไทยด้วยเช่นกัน

นายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนราว 191,742 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียน นิสิตนักศึกษา นักธุรกิจ กลุ่มนักเดินทางไมซ์ แต่ในปี 2566 ททท.ตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยสูงถึง 9,000,000 คน

ลุ้นจีนเปิดเต็มที่ดัน นักท่องเที่ยว 30 ล้านคน

นายธเนศวร์กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับในปี 2566 ททท.ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติในกรณีฐาน (base case) จำนวน 18 ล้านคน คิดเป็น 45% ของปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ประมาณ 13 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 72.34% ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด สร้างรายได้จากตลาดระยะใกล้ที่ 597,720 ล้านบาท คิดเป็น 61.5% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ 971,790 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ดีที่สุด (best case) คือ จีนเปิดประเทศ ผ่อนคลายมาตรการการเข้าออกพรมแดนอย่างเต็มที่ คาดว่าปีหน้าประเทศไทยอาจมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 30 ล้านคน