นักท่องเที่ยวอเมริกาฟื้น ททท. ผนึกแอร์ไลน์เจาะกลุ่มไฮเอนด์

ฐิติพร มณีเนตร
ฐิติพร มณีเนตร
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศเป้าหมายสำหรับการท่องเที่ยวของตลาดระยะไกลไปแล้วว่า ปี 2565-2566 นี้ จะฟื้นรายได้ให้กลับมาในสัดส่วน 30-35% ของปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยตลาดนักท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาและแคนาดาถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มใช้จ่ายสูง

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ฐิติพร มณีเนตร” ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถึงสถานกาณ์ และแนวโน้มของนักท่องเที่ยวตลาดอเมริกาและแคดานา ไว้ดังนี้

“ฐิติพร” บอกว่า จากการคาดการณ์ของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel and Tourism Council : WTTC) ประเทศในกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก จะเป็นกลุ่มประเทศเดียวที่การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิดภายในปี 2566

สำหรับไตรมาส 4/2565 นี้ แม้ตลาดมีความกังวลต่อปัญหาค่าครองชีพ แต่ประชาชนเลือกปรับลดการใช้จ่ายสินค้าประเภทคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนาน ยังไม่ปรับลดการใช้จ่ายภาคบริการ เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน การเดินทางท่องเที่ยว ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวอเมริกันและแคนาดาปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า

“ในส่วนของประเทศไทย คาดว่าจะกลับมาได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของปี 2566 เป็นต้นไป โดยยอดจองบัตรโดยสารเครื่องบินล่วงหน้าจากสหรัฐอเมริกามาไทยก็ปรับตัวสูงขึ้นมากด้วยเช่นกัน”

ปัจจัยบวกเพียบตั้งแต่ปลายปี 2565

“ฐิติพร” บอกว่า ตลาดท่องเที่ยวอเมริกาในช่วงปลายปีนี้ถือว่ามีปัจจัยบวกค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจำนวนมากออกเดินทาง ซึ่งส่วนหนึ่งเลือกเดินทางไปยังประเทศที่มีอากาศอบอุ่นกว่า ประกอบกับเป็นวันหยุดเทศกาลของนักท่องเที่ยว เช่น วันขอบคุณพระเจ้า วันคริสต์มาส วันสิ้นปี วันขึ้นปีใหม่

นอกจากนี้ ยังพบว่าปัจจัยที่หนุนให้ดีมานด์การท่องเที่ยวจากตลาดการท่องเที่ยวอเมริกาพุ่งสูงขึ้นนั้นมาจากการระบาดโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อจำกัดการเดินทางต่าง ๆ จึงเกิดกระแสการท่องเที่ยวเพื่อล้างแค้น (revenge tourism) เพื่อระบายอัดอั้นของความต้องการออกเดินทาง รวมถึงคาดว่าอาจมีการจับจ่ายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา สายการบินแอร์แคนาดาได้เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทางบินแวนคูเวอร์-กรุงเทพฯ ทำการบินตรงด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 787-9 จุผู้โดยสารได้ 298 ที่นั่ง

ซึ่งการเปิดเที่ยวบินดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารมากขึ้น สามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดอเมริกาเหนือให้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย

จับตา “สงคราม-โควิด-เศรษฐกิจ”

อย่างไรก็ตาม ททท.ยังให้ความสำคัญและเฝ้าติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากทวีปอเมริกาชะลอการเดินทางในช่วงนี้

ได้แก่ 1.การกลับมาแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ รวมถึงโรคระบาดหน้าหนาวอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ 2.สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าจะสงบ และส่งผลต่อราคาสินค้า ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความมั่นใจในการเดินทางของนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ลดลง

และ 3.ความวิตกกังวลต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ที่คาดการณ์ว่าจะปรากฏชัดและกระทบค่าครองชีพของชาวอเมริกันอย่างชัดเจนในปลายปี 2565 นี้

ขณะเดียวกันปัญหาราคาพลังงาน ยังส่งผลทำให้ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายบัตรโดยสารเครื่องบินเป็นค่าใช้จ่ายหมวดใหญ่ที่สุดของการเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศระยะไกลอย่างสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ทำให้นักท่องเที่ยวที่มีความอ่อนไหวด้านราคา อาจเลือกพิจารณาเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศระยะใกล้ที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกกว่า

คู่แข่งเปิดรับนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ประเด็นของการกลับมาสู่ตลาดของประเทศคู่แข่งที่ทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่มีเงื่อนไขแล้วอาจทำให้แบ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยไปได้

โดยประเทศที่เปิดตัวและทำตลาดนักท่องเที่ยวอเมริกันและแคนาดา และเป็นคู่แข่งของไทยกลุ่มนั้นส่วนใหญ่เป็นประเทศแคริบเบียน ประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศในภูมิภาคอาเซียน

“เศรษฐกิจอเมริกาในไตรมาส 3/2565 ที่ผ่านมา ได้ปรับตัวขึ้น มีตัวเลข GDP อยู่ในอัตราร้อยละ 2.6 หลังจากชะลอตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส ถือเป็นข่าวดีอยู่ แต่ก็ยังมีการคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเริ่มส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคนอเมริกันตั้งแต่ปลายปี 2565 นี้ เป็นต้นไป ซึ่งย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวด้วย”

รุกไฮเอนด์-ผนึกสายการบิน

“ฐิติพร” บอกอีกว่า จากความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจดังกล่าว ททท.จึงให้ความสำคัญกับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้มีรายได้สูง ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อย หรือกลุ่มที่มีรายได้ครัวเรือนมากกว่า 120,000 เหรียญขึ้นไป เช่น ตลาดผู้นิยมสินค้าบริการกลุ่มลักเซอรี่ นักท่องเที่ยวคู่รักที่ต้องการฉลองน้ำผึ้งพระจันทร์ นักท่องเที่ยวกลุ่มเวลเนส

รวมทั้งร่วมมือกับสายการบินที่มีต้นทางจากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ โคเรียนแอร์, เดลต้าแอร์ไลน์ส, แอร์แคนาดา, สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส, เจแปนแอร์ไลน์ส, ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ส ในโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการขายบัตรโดยสารเครื่องบิน และรายการท่องเที่ยวที่มีจุดหมายมายังประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม สายการบินส่วนใหญ่ยังไม่กลับมาเปิดให้บริการในระดับเดียวกับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด ทั้งจำนวนเที่ยวบินและเส้นทางบิน

“นอกจากเส้นทางบินอเมริกาและแคนาดาแล้ว ททท.มีแผนขยายความร่วมมือกับสายการบินไปยังตลาดนักท่องเที่ยวในภูมิภาคละตินอเมริกา เช่น เม็กซิโก และบราซิล ที่เริ่มผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิดและเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวแล้ว”

เชิญเอเย่นต์ร่วมเจรจาธุรกิจ

ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคอเมริกา ททท.ยังให้ข้อมูลเรื่องแผนการตลาดสำหรับปี 2566 ด้วยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ททท.มีแผนเชิญ travel adviors กลุ่มลักเซอรี่ จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา จำนวน 60 คน เดินทางเข้ามาพบปะและเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย โดยเบื้องต้นกำหนดสถานที่ไว้ที่กรุงเทพฯ และอำเภอเขาหลัก จังหวัดพังงา

จากนั้นจะเชิญชวนร่วมกิจกรรมทัศนศึกษาในจุดหมายการท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกหลายแห่งในประเทศไทย เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระบี่ และเชียงใหม่ เป็นต้น

“ททท.หวังว่าจะสร้างความรู้ความเข้าใจในแหล่งท่องเที่ยวแก่บรรดา travel advisor และนำไปสู่การเสนอขายแหล่งท่องเที่ยว สินค้าและบริการท่องเที่ยวกลุ่มลักเซอรี่ที่หลากหลายในตลาดสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2566”

นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดกิจกรรม Amazing Thailand Roadshow 2023 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในไตรมาส 2 ของปี 2566 โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการหารือเพื่อกำหนดเมืองเป้าหมายและวันจัดกิจกรรมที่ชัดเจนอีกครั้ง