ทัวริสต์จีน 4 เดือนวืดเป้า โอดพิษวีซ่าทุบ “กรุ๊ปทัวร์” ททท. เร่งฟื้นความเชื่อมั่น

นักท่องเที่ยวจีน

นักท่องเที่ยวจีนวืดเป้า ! เผยที่นั่งสายการบินเหลือ ชาร์เตอร์ทยอยยกเลิกไฟลต์บิน ทุบเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยว ATTA ชี้ปัจจัยลบเพียบทั้ง “ไฟลต์บิน-วีซ่ากรุ๊ป-ต้นทุนการเดินทาง” ตัวเลข “กรุ๊ปทัวร์” เดือน เม.ย. ร่วงหนัก “คิง เพาเวอร์” รับตลาดจีนรีบาวนด์แค่ 30% มุ่งขยายฐานธุรกิจ-เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัว ผลสำรวจเผยคนจีนเดินทางต่างประเทศฟื้นตัวแค่ 10% ด้าน ททท.รุกกระตุ้นดีมานด์ต่อเนื่อง เชื่อเป้า 5 ล้านคนไม่ยาก

แหล่งข่าวในภาคธุรกิจท่องเที่ยวเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดให้กรุ๊ปทัวร์เดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่า ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเพิ่มจากประมาณ 9 หมื่นคนในเดือนมกราคม 2566 เป็น 1.5 แสนคน และ 2.6 แสนคน ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2566 ตามลำดับ

“ชาร์เตอร์” ทยอยยกเลิกไฟลต์

โดยในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 66) ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนรวมราว 5 แสนคน จากเป้าที่ตั้งไว้ 3 แสนคน แต่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ภาพรวมของนักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนต่ำกว่าที่คาดการณ์ เที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลต์จำนวนหนึ่งยกเลิกทำการบิน เนื่องจากเจอปัจจัยลบ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ความเชื่อมั่นจากกรณีที่มีข่าวความไม่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวประเทศไทยบนสื่อออนไลน์ และ 2.ความยุ่งยากเรื่องการยื่นขอวีซ่าแบบกรุ๊ปของบริษัทนำเที่ยว

ปัจจุบันคนจีนส่วนใหญ่มีความเข้าใจในประเด็นเรื่องความไม่ปลอดภัยดีขึ้น ส่วนเป็นปัญหาใหญ่คือ ขั้นตอนการขอวีซ่าแบบกรุ๊ปทัวร์ของบริษัทนำเที่ยว เนื่องจากระบบการขอออนไลน์นั้น นักท่องเที่ยวต้องอัพโหลดเอกสารด้วยตัวเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดินทางกับบริษัททัวร์ส่วนใหญ่อ่านภาษาไม่ออกหรือหากให้บริษัทนำเที่ยวทำให้ บริษัทก็ต้องอัพโหลดเอกสารประมาณ 45-48 หน้าต่อลูกค้า 1 คน หากทำวันละ 100 คนต้องโหลดเอกสารรวมไม่ต่ำกว่า 4,500 หน้าต่อวัน ทำให้สถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ในจีนใช้เวลาพิจารณานาน

“เท่าที่รับทราบข้อมูลระบบการยื่นวีซ่าออนไลน์นี้ กระทรวงการต่างประเทศเริ่มนำร่องใช้ 4 ประเทศ เช่น จีน อินเดีย เยอรมนี เป็นต้น แต่เรามองว่าระบบดังกล่าวอาจเหมาะกับประเทศที่ประชากรไม่เยอะมากกว่า” แหล่งข่าวกล่าว

และว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้เดือนเมษายนที่ผ่านมาแม้จะเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่กลับพบว่าจำนวนที่นั่งสายการบินที่เหลือเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญในส่วนของชาร์เตอร์ไฟลต์ที่มีแผนเพิ่มเที่ยวบินก็ได้ยกเลิกเที่ยวบิน
บางส่วนด้วย เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารไม่พอ

ชี้ “ปัจจัยลบ” ยังเพียบ

ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ดูแลตลาดอินบาวนด์ (นักท่องเที่ยวขาเข้า) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาใหญ่สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนในขณะนี้คือ ประเด็นความไม่สะดวกในการยื่นขอวีซ่า เนื่องจากสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในจีนทั้ง 8 แห่ง ปรับรูปแบบการขอวีซ่ากรุ๊ปเป็นขอแบบเดี่ยว โดยให้นักท่องเที่ยวทุกคนอัพโหลดเอกสารจำนวนมาก รวมถึงเอกสารบัญชีเงินฝากผ่านระบบออนไลน์และพิจารณารายบุคคล

โดยที่ผ่านมาบริษัทนำเที่ยวจีนได้รายงานปัญหาดังกล่าวมายังสมาคมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องการอัพโหลดเอกสารเป็นจำนวนมาก ที่ทำให้เกิดความไม่สะดวกกับบริษัทนำเที่ยวที่เดิมใช้ระบบการขอวีซ่าแบบกรุ๊ปทัวร์ นอกจากนี้ยังทำให้มีต้นทุนการทำงานที่เพิ่มขึ้น และใช้ระยะเวลาดำเนินการค่อนข้างนาน ไม่สอดรับกับความต้องการในการเดินทางที่มีเป็นจำนวนมาก

ตารางนักท่องเที่ยวจีน

“ตัวเลข 3 เดือนแรกที่ผ่านมาที่เข้ามาประมาณ 5 แสนคน นับว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถ้ามองยาวทั้งปีที่เราตั้งเป้าไว้ 5-7 ล้านคน ซึ่งต้องทำให้เวลาที่เหลืออยู่ให้ได้เดือนละ 1 ล้านคนนั้น เราจะขับเคลื่อนอย่างไร เมื่อวันนี้ข้อจำกัดในการทำการตลาดเยอะมาก ทั้งปัญหาแรงงานที่ให้บริการในสนามบินที่ยังไม่สามารถรองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มได้ รวมถึงปัญหาความยุ่งยากในการขอวีซ่ากรุ๊ปที่เรากำลังประสบอยู่ในขณะนี้” ดร.อดิษฐ์กล่าว

กรุ๊ปทัวร์ สุวรรณภูมิหายกว่าครึ่ง

ดร.อดิษฐ์กล่าวด้วยว่า หากดูตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางในรูปแบบ “กรุ๊ปทัวร์” ผ่านบริการบริษัทนำเที่ยวที่ใช้บริการของสมาคม ATTA ณ สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่ากรุ๊ปทัวร์เดือนเมษายน 2566 มีจำนวนเฉลี่ยที่ 1,000-2,000 คนต่อวัน จากจำนวนประมาณ 3,000-4,000 คนต่อในเดือนมีนาคม 2566 หรือหายไปมากกว่า 50% ซึ่งสะท้อนชัดเจนว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวหายไปอย่างชัดเจน

“ทางสมาคม ATTA คงต้องมาวิเคราะห์อีกครั้งว่าจำนวนกรุ๊ปทัวร์ที่หายไปนั้นมีสาเหตุจากอะไร เป็นเพราะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง หรือ FIT มากขึ้น หรือกลไกการทำงานของบริษัทนำเที่ยวที่ยังไม่พร้อมเต็มที่ หรือเกิดความไม่สะดวกด้านวีซ่า หรือว่าต้นทุนการเดินทางที่สูงยังเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ ประเด็นเหล่านี้เราต้องเร่งหาคำตอบ” ดร.อดิษฐ์กล่าว

เสนอใช้บริษัทคู่ค้าในไทยรับรอง

สอดรับกับ นายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ที่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเด็นที่ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเดือนเมษายนที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์นั้น มาจาก 2 ส่วนหลักคือ 1.กระแสข่าวความไม่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเมื่อมาเที่ยวประเทศไทยบนสื่อออนไลน์ของจีน ทั้งเรื่องถูกฆ่าตายและถูกหลอกไปขาย และ 2.ความยุ่งยากในการยื่นขอวีซ่า ซึ่งมีกระบวนการและขั้นตอนที่มากขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นหมู่คณะ หรือกรุ๊ปทัวร์ หลังจากจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง

“เรารับรู้ว่ากระทรวงการต่างประเทศเปลี่ยนระบบมาเป็นยื่นออนไลน์ 2 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาจีนไม่เปิดประเทศเลยยังไม่เจอปัญหา แต่ตอนนี้บริษัททัวร์ในจีนทำงานยากมาก เอกสารสำหรับยื่นขอวีซ่าและที่ต้องอัพโหลดแต่ละคนมีจำนวนเยอะมาก ที่สำคัญต้องมีหลักฐานการเงินด้วย ซึ่งก่อนโควิดไม่ต้องแสดง ซึ่งหากเลี่ยงด้วยการยื่นขอวีซ่าหน้าด่าน หรือ visa on arrival ก็ทำให้นักท่องเที่ยวมีต้นทุนการเดินทางที่สูงขึ้น”

นายสุรวัชกล่าวต่อไปอีกว่า ปัญหาดังกล่าวอยากให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) พิจารณาลดขั้นตอนสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบ “กรุ๊ปทัวร์” โดยพิจารณาให้ใช้กลไกบริษัทนำเที่ยวในประเทศไทยเข้ามามีส่วนในการรับรองว่าเป็นคู่ค้ากับบริษัทนำเที่ยวในจีน เช่นเดียวกับรูปแบบการยื่นวีซ่าแบบกลุ่มของคนไทยที่ขอวีซ่าจีน เพื่อให้กลไกการทำงานของบริษัทนำเที่ยวสามารถตอบโจทย์เรื่องการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้เข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ต่อไปได้

คิง เพาเวอร์ รับจีนกลับมา 30%

สอดรับกับ “นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนยังเป็นตลาดใหญ่ของกลุ่มคิง เพาเวอร์ แต่ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาใช้บริการกับคิง เพาเวอร์ ฟื้นกลับมาเพียงแค่ 30% เท่านั้น ยังไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ไว้ไม่ต่ำกว่า 80% ของปี 2562

ดังนั้น ปีนี้กลุ่มคิง เพาเวอร์ จึงต้องเร่งสร้างรายได้จากกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ที่มี อาทิ กลุ่มธุรกิจอาหาร (dining) กลุ่มธุรกิจโรงแรม (hospitality) กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค (consumer products) รวมถึงกลุ่มค้าปลีก (retail) รวมถึงเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ

“เราพยายามขยายฐานธุรกิจพร้อมทั้งปรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ สู่ระบบ SHOP ALL POSSIBILITIES IN ONE CLICK โดยรวมแอปพลิเคชั่น FIRSTER.COM เข้ามาอยู่ใน KINGPOWER.COM เพื่อให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกคน ทั้งที่มีไฟลต์บินและไม่มีไฟลต์บิน” นายอัยยวัฒน์กล่าว

คนจีนมีแผนเที่ยวนอกแค่ 10%

ข้อมูลจากการสำรวจความเห็นของชาวจีนจำนวน 1,012 คน ใน 49 เมือง ของ Dragon Trail International บริษัทบริการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในช่วงวันที่ 4-7 เมษายน 2566 พบว่า ชาวจีนกว่า 70% ยังไม่ได้วางแผนที่จะไปต่างประเทศในปีนี้ โดยร้อยละ 40 ไม่มีแผนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ และร้อยละ 31 ปฏิเสธการเดินทางไปต่างประเทศในปีนี้โดยสิ้นเชิง

มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 10% ของทั้งหมดที่ได้จองตั๋วการเดินทางออกนอกประเทศในปี 2566 นี้ ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบครึ่งหนึ่งที่ยังไม่ตัดสินใจ และหวังว่าตัวเองจะสบายใจพอที่จะได้จองตั๋วเดินทางระหว่างประเทศก่อนสิ้นปี

ทั้งนี้ ปัจจัยอันดับแรกในการพิจารณาและตัดสินใจว่าจะออกเดินทางคือ ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยนอกประเทศจีน เป็นปัจจัยที่สำคัญแซงหน้าปัจจัยความกังวลเรื่องการเงิน และปัจจัยเรื่องเวลาว่างในการเดินทาง

และระบุด้วยว่า ผลสำรวจของ Dragon Trail International สอดคล้องกับการฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ของจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกจากจีน ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 12.4% ของระดับปี 2562 หรือระดับก่อนโควิด-19 เท่านั้น สมาคมสายการบินเอเชีย-แปซิฟิกแอร์ไลน์ (AAPA) คาดการณ์ว่า อาจต้องใช้เวลาอีก 1 ปี การเดินทางทางอากาศขาออกจากจีนจะฟื้นตัวเต็มที่

ททท.รุกกระตุ้นดีมานด์ต่อเนื่อง

ด้านนายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ดีมานด์การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยยังมีปริมาณสูง และขณะนี้ประเด็นเรื่องความไม่ปลอดภัยเริ่มมีความเข้าใจในทิศทางที่ดีขึ้น โดยช่วงปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม พบว่ายอดบุ๊กกิ้งของนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่มีจำนวนเฉลี่ยประมาณ 8,000 คนต่อวัน เพิ่มเป็น 1.5-1.8 คนต่อวัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนี้

ทั้งนี้ ททท.ยังเดินหน้ากระตุ้นดีมานด์อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ไปโรดโชว์ใหญ่ในอีก 3 เมือง คือ ฉงชิ่ง ปักกิ่ง และหนานจิง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ผู้ประกอบการจีนให้ความสนใจอย่างมาก และพบว่าดีมานด์ในเมืองใหญ่ยังสูง จึงยังคงมั่นใจว่าเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ 5 ล้านคนยังเป็นไปได้สูง

นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแผนแถลงข่าวยืนยันความปลอดภัย พร้อมเชิญ KOL (Key Opinion Leader) จากจีนมาร่วมงาน เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นในการเที่ยวเมืองไทยสำหรับนักท่องเที่ยวจีนอีกครั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รวบรวมโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2565-5 กุมภาพันธ์ 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ยประมาณ 2,498 คนต่อวัน และตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์-ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ย 8,230 คนต่อวัน และตั้งแต่ 1 มกราคม-23 เมษายน 2566 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนสะสม 7.45 แสนคน แบ่งเป็น มกราคม 91,841 คน กุมภาพันธ์ 155,656 คน มีนาคม 260,773 คน และเมษายน (1-25 เม.ย.) 251,475 คน