โรงแรมชี้นักท่องเที่ยว F.I.T. พุ่ง ยอดจองล่วงหน้าปลายปีดี 5 ดาวติดลม

นักท่องเที่ยว

สมาคมโรงแรมฯ ชี้ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง แนวโน้มกลุ่มเดินทางด้วยตัวเองพุ่ง อัตราการจองห้องพักล่วงหน้า พ.ย.-ธ.ค. อยู่ในเกณฑ์ดี โรงแรม 5 ดาวติดลม รายเล็กยังต้องปรับตัวต่อไป จับตานโยบายอินเดียปรับขึ้นภาษีนักท่องเที่ยวขาออก การปรับลดเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี’67 เหลือ 35 ล้านคนกระทบโรงแรมแน่

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในปัจจุบันอยู่ระหว่างการฟื้นตัว โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยมีหลากหลายสัญชาติมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ยังเห็นสัญญาณนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตนเอง (F.I.T.) เข้าพักมากขึ้นกว่าเดิม และกระจายตัวมากขึ้น

มาริสา สุโกศล หนุนภุกดี

จากเดิมนักท่องเที่ยวอาจมุ่งเป้าสู่การพักร้อน เดินทางไปยังทะเล เกาะต่าง ๆ (sea sand sun) แต่ปัจจุบันเริ่มมีนักท่องเที่ยวเชิงอาหาร นักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ (MICE) เดินทาง ซึ่งมาประชุมสัมมนาในประเทศไทย นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวในตลาดระยะใกล้จากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนยังมีการเติบโตเชิงปริมาณมากขึ้น

“ปลายปีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ยังขึ้นอยู่กับจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศด้วย ส่วนยอดอัตราการจองห้องพักล่วงหน้าในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2566 นั้น พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวหลัก” นางมาริสากล่าว
นอกจากนี้ ยังพบว่าสถานการณ์ของโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี สวนทางกับโรงแรมในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดเชียงใหม่ที่อาจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งนี้ จำเป็นต้องจับตาว่าฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามามากน้อยเพียงใด

Advertisment

นางมาริสายังกล่าวถึงกรณีที่ ททท.ปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวตลาดจีนที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยในปี 2566 จากเดิม 5 ล้านคน เป็นประมาณ 4 ล้านคนด้วยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงดังกล่าวอาจจะกระทบผู้ประกอบการบางราย

โดยผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ หรือโรงแรมระดับ 5 ดาวยังได้รับอานิสงส์จากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางด้วยตนเอง (F.I.T.) ขณะที่โรงแรมขนาดเล็กที่เน้นรับนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนก็อาจจะต้องปรับตัวต่อไป

ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียนั้นมีการฟื้นตัวที่ดี โดยปัจจัยหนึ่งอาจเกิดจากการขยายตัวของประชากรชนชั้นกลาง ประกอบกับเที่ยวบินระหว่างไทย-อินเดีย มีจำนวนที่ใกล้เคียงกับก่อนการระบาดของโควิด-19 แล้ว

ส่วนประเด็นที่ทางการอินเดียเตรียมเพิ่มอัตราภาษีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่จองโรงแรม ตั๋วเครื่องบินในต่างประเทศจากเดิม 5% สู่ 20% นั้น นางมาริสากล่าวว่า หากรัฐบาลอินเดียเริ่มเก็บภาษีดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย

Advertisment

“นักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีหลากหลายประเภท ทั้งนักท่องเที่ยวลักเซอรี่ นักท่องเที่ยวครอบครัว นักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ เพื่อการประชุมสัมมนา นักท่องเที่ยวกลุ่ม F.I.T. จะบอกว่าการเก็บภาษีดังกล่าวไม่มีผลเลยก็คงไม่ใช่” นางมาริสากล่าว

นางมาริสากล่าวด้วยว่า สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศในช่วงนอกฤดูกาลการท่องเที่ยวนี้ พบว่าฟื้นตัวดีขึ้นกว่าในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 แต่ยังชะลอตัวกว่าปี 2562 ก่อนการระบาดโควิด-19 เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น นักท่องเที่ยวอาจยังออกเดินทาง แต่จับจ่ายน้อยกว่าเดิม

ดังนั้น จึงอยากเสนอว่าประเทศไทยควรเร่งแก้ไขอุปสรรคใหญ่ของภาคการท่องเที่ยวไทย คือปัญหาด้านเที่ยวบินจากต่างประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับความไม่สะดวกในการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยสมาชิกของสมาคมได้สะท้อนประเด็นดังกล่าวเข้ามา พร้อมเสนอให้ภาครัฐพิจารณาโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน

“วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ส่งผลกระทบต่อการออกเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อจะได้เห็นทิศทางของนโยบายเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่ภาคธุรกิจยังรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล หน่วยงานรัฐชะลอการใช้งบประมาณ และโรงแรมหลายแห่งยังไม่มีรายได้จากการจัดการประชุม” นางมาริสากล่าว

นางมาริสายังกล่าวถึงเป้าหมายของภาคการท่องเที่ยวไทย ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้ามีรายได้รวมจากภาคการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน จากเป้าหมายเดิม 40 ล้านคนด้วยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงอาจกระทบธุรกิจโรงแรมบางส่วน โดยโรงแรมบางส่วนได้ปรับตัวรองรับสถานการณ์ และบางส่วนมีอัตราการเข้าพักที่สูงกว่าก่อนการระบาดของโควิด-19 ไปแล้ว

“ความสำเร็จของภาคการท่องเที่ยวไม่ได้อยู่ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากแต่อยู่ที่รายได้จากนักท่องเที่ยวว่าเป็นอย่างไร และเม็ดเงินกระจายตัวมากแค่ไหน เราไม่ได้อยากเห็นภาพนักท่องเที่ยวมหาศาล ถ้าไทยจะรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ย่อมต้องมีการจัดการที่ดีควบคู่กันไปด้วย” นางมาริสากล่าว