
คนท่องเที่ยวโอดนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวรัฐบาลเศรษฐาสุดสับสน จะเปิดฟรีวีซ่า ไม่ต้องขอ หรือแค่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า เผยนักท่องเที่ยวจีนชะลอการเดินทาง ตลาดเสียหายแล้ว 2 สัปดาห์ ย้ำต้อง “ฟรีวีซ่า” เท่านั้น ยันแค่ 3 เดือนไร้ประโยชน์ ขอลากยาว 6 เดือนทั้งจีน-อินเดีย สายการบิน โรงแรมลุ้นหนัก
แหล่งข่าวในธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่งกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การประกาศนโยบายใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือดึงเม็ดเงินเข้าประเทศด้วยการให้ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน ในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้ยังสร้างความสับสนให้กับผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยว ทั้งของไทยและในจีนอย่างมาก ว่าสรุปแล้วรัฐบาลไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนให้เข้ามาเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า (ฟรีวีซ่า) หรือแค่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (วีซ่าฟรี) เท่านั้น
- หวั่น EV ไทย…ซ้ำรอยจีน
- “ทรู-ดีแทค” ถล่มโปร “คืนค่าเครื่อง” ย้ำรวมกันได้มากกว่า
- เปิด “ผังน้ำ” ประกบผังเมือง เขย่าราคาที่ดินทั่วประเทศ
ทัวร์จีนชะลอเดินทาง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ความไม่ชัดเจนดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับการท่องเที่ยวตลาดจีนแล้ว โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดการชะลอการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนอย่างมาก เนื่องจากบริษัทนำเที่ยวจีนต่างรอดูความชัดเจน และหวังว่ารัฐบาลไทยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าโดยไม่ต้องทำวีซ่า
“ผมเห็นเอกสารคำแถลงนโยบายของนายกฯ เศรษฐาต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งในเอกสารระบุว่ารัฐบาลจะยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า ไม่ใช่ให้ฟรีวีซ่า หรือไม่ได้ต้องใช้วีซ่าเหมือนกับที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ ตอนนี้คนทำทัวร์เลยสามารถยืนยันแนวปฏิบัติของรัฐบาลไทยกับคู่ค้าฝั่งจีนได้” แหล่งข่าวกล่าว
“ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า” ไม่ตอบโจทย์
ขณะที่ ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สมาคมทัวร์อินบาวนด์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตามหลักวิจัยของ World Travel & Tourism Council : WTTC ปี 2017 ระบุว่า การอำนวยความสะดวกในการยื่นขอวีซ่าจะช่วยให้เกิดการเดินทางได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8.1% แต่ถ้ายกเว้นวีซ่าทั้งระบบจะได้ประมาณ 16%
“หากมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า แต่ไม่ได้อำนวยความสะดวกเรื่องขั้นตอนและลดเอกสารในการยื่นของวีซ่า ก็ต้องดูว่าจะมีผลขนาดไหน ซึ่งประเด็นนี้น่าจะส่งผลโดยตรงต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มาขอวีซ่าหน้าด่าน หรือ visa on arrival : VOA เพราะวันนี้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาประมาณ 80% ใช้ visa on arrival มีขอกับสถานทูตหรือกงสุลใหญ่ในจีนเพียงแค่ประมาณ 20% เท่านั้น” ดร.อดิษฐ์กล่าว และว่า
ทั้งนี้ ส่วนตัวคาดการณ์ว่า กรณีที่รัฐบาลยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาโดยไม่ต้องขอวีซ่า จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติประมาณ 5-7 แสนคน ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม 2566)
ส่วนกรณีที่รัฐบาลดำเนินการเพียงแค่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ไม่น่าจะเกิดกระแสได้มากนัก โดยคาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติประมาณ 4-5 แสนคน
“ประเด็นหลักคือ หากมีมาตรการกระตุ้นออกมา สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต้องมีระบบการบริหารจัดการบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ดีด้วย เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวมากระจุกตัวบริเวณหน้าด่าน” ดร.อดิษฐ์กล่าว
แนะประกาศล่วงหน้า 1 เดือน
แหล่งข่าวในธุรกิจโรงแรมรายหนึ่งกล่าวว่า การประกาศเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลเศรษฐา 1 เป็นประเด็นที่ดีและน่าจับตามาก เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นเซ็กเตอร์ที่สามารถดึงเงินเข้าประเทศได้เลยทันที แต่ยังมีหลายเรื่อง หลายประเด็นที่มองว่ารัฐบาลยังไม่เข้าใจธรรมชาติของธุรกิจท่องเที่ยว ที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ทบวง กรม
ดังนั้น นโยบายบางประเด็นจึงไม่ใช่แค่เรื่องของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเท่านั้น ยกตัวอย่าง กรณีการขับเคลื่อนเรื่องการทำฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น ตามระเบียบแล้วเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานมากทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฯลฯ เป็นต้น
หรือกรณีที่คาดหวังว่าหากเปิดฟรีวีซ่า หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 หลังประกาศจะเห็นนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเติมได้ทันที แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากประกาศนโยบายเร็วสุดที่จะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาคือ 1-2 เดือนหลังจากออกประกาศ
ดังนั้น การประกาศว่าจะเริ่ม 1 ตุลาคมนั้น เร็วสุดที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางคือพฤศจิกายน หรือกลางเดือนพฤศจิกายน นั่นหมายความว่าหากนโยบายนี้กำหนดใช้ชั่วคราว 3 เดือนจะได้ผลลัพธ์เพียงแค่ 1 เดือนครึ่ง-2 เดือนเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ได้กระตุ้นการเดินทางให้เกิดโมเมนตั้มที่ดีได้มากนัก
“ในทางปฏิบัติรัฐบาลต้องวางแผนล่วงหน้า ถ้าต้องการนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นไฮซีซั่น หรือต้นเดือนตุลาคม จะต้องประกาศตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม หรือช้าสุดคือต้นเดือนกันยายน ไม่ใช่ประกาศปลายเดือนกันยายนแล้วเริ่มใช้ 1 ตุลาคม แบบนี้ไร้ประโยชน์ เพราะบริษัททัวร์ทำตลาดไม่ทัน เช่นเดียวกับสายการบินที่ต้องมีเวลาวางแผนเพิ่มเที่ยวบินล่วงหน้า” แหล่งข่าวกล่าว
เสนอลากยาว 6 เดือน
แหล่งข่าวรายนี้ยังกล่าวอีกว่า การออกมาตรการกระตุ้นนั้นเหมาะสำหรับทำการตลาดในช่วงโลว์ซีซั่นมากกว่า ดังนั้น ส่วนตัวจึงไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรการฟรีวีซ่า หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าในช่วงที่เป็นไฮซีซั่น (ปลายปี) เนื่องจากเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยววางแผนการเดินทางท่องเที่ยวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องออกมาตรการกระตุ้นก็มีจำนวนมากพอ
ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการขับเคลื่อนนโยบายมาตรการฟรีวีซ่าหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้ อยากเสนอให้พิจารณาใช้อย่างต่ำ 6 เดือน หรือลากยาวไปถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2567 เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้าด้วย
ย้ำต้อง “ยกเว้นวีซ่า” เท่านั้น
เช่นเดียวกับนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ที่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ระยะเวลาที่เหมาะสมในการออกมาตรการคือ นำร่องก่อน 6 เดือนเพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการทำการตลาด และเกิดโมเมนตั้มที่ดี หลังจากนั้นค่อยมา“ผมอยากย้ำว่ามาตรการฟรีวีซ่าคือบูสเตอร์ชอตที่ดีมาก ๆ
ดังนั้น สิ่งที่ภาคเอกชนท่องเที่ยวอยากได้คือฟรีวีซ่า หรือไม่ต้องขอวีซ่า เพราะถ้าแค่ฟรีค่าธรรมเนียม กระบวนการยื่นขอวีซ่าจะยังคงยุ่งมากเหมือนเดิม ไม่ตอบโจทย์ในสิ่งที่ภาคเอกชนอยากให้ปลดล็อก เนื่องจากที่ผ่านมานักท่องเที่ยวไม่ได้มีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า แต่ติดเรื่องกระบวนการเอกสาร และขั้นตอนการขอวีซ่ามากกว่า” นายชำนาญกล่าว
ชงปลดล็อกวีซ่าอินเดียด้วย
นายชำนาญกล่าวด้วยว่า อยากเสนอว่ารัฐบาลพิจารณาฟรีวีซ่าสำหรับตลาดอินเดียควบคู่ไปกับตลาดจีนด้วย เนื่องจากอินเดียก็เป็นตลาดขนาดใหญ่เช่นกัน และเชื่อว่าหากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการฟรีวีซ่าออกมาพร้อมกัน 2 ตลาด จะทำให้ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้บรรลุเป้าหมาย 30 ล้านคน เช่นเดียวกับตลาดจีนที่เชื่อว่าจะได้ 5 ล้านคนตามเป้าหมายของรัฐบาล
“สายการบิน-โรงแรม” ลุ้นหนัก
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะเดินหน้านโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนว่า ส่วนตัวมองว่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวมากขึ้นแน่นอน ส่วนจะมากแค่ไหนต้องรอประเมินอีกครั้ง
โดยในส่วนของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สนั้น เตรียมฟื้นเส้นทางบินสู่จีน 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางสมุย-ฉงฉิ่ง และเส้นทางสมุย-เฉิงตู รองรับนักท่องเที่ยวจีนที่ชื่นชอบการเที่ยวทะเล ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของทางการจีน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้
“เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสเข้าพบนายกฯ เศรษฐา ในนามสมาคมสายการบิน ก็ได้มีการพูดคุยกันในประเด็นเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน เราจึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเปิดฟรีให้กับตลาดอินเดียไปพร้อมกัน รวมถึงเจรจาเรื่องสิทธิการบินเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้ภาพรวมการฟื้นตัวของจีนและอินเดียกลับมาได้เร็วขึ้น” นายพุฒิพงศ์กล่าว
เช่นเดียวกับนางสาววัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทแอทเสทเวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ที่กล่าวว่าถึงแม้เที่ยวบินต่าง ๆ จะพานักท่องเที่ยวมาได้ไม่เต็มที่เหมือนก่อนช่วงโควิด แต่ภาพของการท่องเที่ยววันนี้กลับมาแข็งแกร่งขึ้น และได้นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพมากขึ้น สะท้อนจากราคาห้องพักต่อคืนของ AWC ที่สูงกว่าช่วงโควิด
สำหรับนโยบายเรื่องฟรีวีซ่านั้น มองว่าจะเป็นประโยชน์ในภาพรวม และช่วยเติมนักท่องเที่ยวให้โรงแรมระดับกลางที่ต้องการดีมานด์กรุ๊ปทัวร์ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมกลับมาดีขึ้น ไม่ได้ฟื้นตัวเพียงแค่เซ็กเมนต์ระดับบนเหมือนที่ผ่านมา