“เศรษฐา” ปลุกท่องเที่ยวจ่อฟรีวีซ่าจีนถาวร

เศรษฐา จีน

นายกฯเศรษฐาเคลื่อนทัพปลุกการค้า ลงทุน ท่องเที่ยว จ่อยกเว้นวีซ่าให้จีนถาวร พ่วงไต้หวัน-อินเดีย ยกเลิกใบ ตม.6 ให้มาเลย์ที่เข้าด่านสะเดา ททท.จับมือ 8 พันธมิตรจีนคืนความเชื่อมั่น “สภาท่องเที่ยวฯ-แอตต้า” วอนย้ำเมืองไทยปลอดภัย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผย ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (letter of intent : LOI) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ 8 พันธมิตรบริษัทด้านสื่อและท่องเที่ยวรายใหญ่ของจีนว่า นับเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนจะมีความสัมพันธ์กันที่แน่นแฟ้นขึ้น

โดยรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีนอย่างมาก รวมถึงส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวจีนให้มากยิ่งขึ้น

ย้ำไทยพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวจีน

นายเศรษฐากล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว (visa exemption) ให้นักท่องเที่ยวจีนไปตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ไปจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมให้การเดินทางไปมาระหว่าง 2 ประเทศดียิ่งขึ้น

“ระยะต่อไปที่กำลังพิจารณาอยู่คือ มีแผนจะยกเว้นวีซ่าให้ชาวจีนเป็นการถาวรต่อไป ผมเน้นย้ำว่าประเทศไทยมีความปลอดภัยสูง พร้อมอำนวยความสะดวก และดูแลนักท่องเที่ยวจีนอย่างเต็มที่” นายเศรษฐากล่าว และว่า

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อให้ท่องเที่ยวมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล โดยนักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับความสะดวกและปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย

ADVERTISMENT

ทะลวงด่านทางอากาศ-ทางบก

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ข้อมูลว่าขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลในประเด็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติม ทั้งสำหรับการเดินทางทางอากาศ ด้วยมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (visa exemption) และด่านทางบก

โดยในส่วนของมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือวีซ่าฟรี นั้น ที่ผ่านมาได้ใช้กับตลาดนักท่องเที่ยวจีนไปแล้ว โดยมีระยะเวลา 5 เดือน คือตั้งแต่ 25 กันยายน 2566-สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 นั้น ขณะนี้นายกฯ เศรษฐาแจ้งว่ารัฐบาลกำลังทำการบ้านเพื่อพิจารณายกเว้นเป็นการถาวรในระยะต่อไป

ADVERTISMENT

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวตลาดไต้หวันและอินเดีย ด้วยการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ visa exemption เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวตลาดจีน รวมถึงยังมีแผนอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้าไทยผ่านด่านทางบกทางด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา โดยให้ยกเว้นการกรอกเอกสารใบ ตม.6 หรือเอกสารที่ใช้กรอกเวลาเข้า-ออกประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ เช่นเดียวกับการเดินทางทางอากาศที่ได้ยกเลิกไปแล้ว

มาตรการนี้จะทำให้การเดินทางทางรถยนต์ของนักท่องเที่ยวมาเลเซียมีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมาเลเซียนิยมเดินทางเข้าประเทศผ่านด่านสะเดา คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียทั้งหมด หรือประมาณ 1.23-1.3 ล้านคน จากจำนวน 3.1 ล้านคนที่เดินทางเข้าไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน

“ตอนนี้ในช่วงวันหยุด หรือวันศุกร์และวันเสาร์นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่ผ่านด่านสะเดาเจอปัญหาคอขวดหน้าด่านค่อนข้างมาก” นางสาวฐาปนีย์กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติขยายเวลาการพำนักของนักท่องเที่ยวรัสเซีย จาก 30 วันเป็น 90 วัน ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566-30 เมษายน 2567 เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางมาท่องเที่ยวและพำนักอยู่ในประเทศไทยนานขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้

เปิด สนง.ใหม่เชื่อมเมืองรอง

นางสาวฐาปนีย์กล่าวด้วยว่า สำหรับตลาดจีนนั้นยังได้ข้อมูลด้วยว่า นายกฯ เศรษฐาได้หารือกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าประเทศไทยได้ยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนเป็นการชั่วคราวแล้ว จึงขอให้ฝ่ายจีนพิจารณายกเว้นวีซ่าให้ชาวไทยด้วย ซึ่งประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เนื่องจากปัจจุบันจีนเองก็เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ทั้งในเมืองหลักและเมืองรองมากขึ้น

ดังนั้น หากมีการเดินทางระหว่างกันทั้ง 2 ขา จะยิ่งส่งเสริมให้มีการเปิดเที่ยวบินใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงมีการเดินทางเชื่อมโยงไปเมืองรองระหว่างของจีนและของไทย ขณะนี้ ททท.ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดสำนักงานแห่งที่ 6 ในจีน ที่เมืองหนานหนิง เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางสู่เมืองรอง รวมถึงเป็นการอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ทั่วถึง

“ตอนนี้นโยบายเรื่องการท่องเที่ยวมาแรงมาก ททท.ต้องตั้งรับและพร้อมที่จะขับเคลื่อนตามนโยบายให้เร็วด้วย ที่ผ่านมา ท่านนายกฯ เศรษฐาเน้นย้ำว่า 3 เรื่องต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกันคือ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยลงทุนเพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานดีขึ้น รวมถึงการขยายสู่เมืองรอง เพื่อช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวให้กระจายไปสู่เมืองรองด้วย”

ผนึกพันธมิตรเรียกคืนเชื่อมั่น

นางสาวฐาปนีย์กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับแผนการลงนามแสดงเจตจำนง (LOI) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับบริษัทชั้นนำของจีน 8 บริษัท ประกอบด้วย Huawei Technologies, Trip.com Group, Meituan.com, Spring Airlines, Sina News, Alipay, iQIYI และ Jego Trip นั้น เป็นส่วนหนึ่งในการเร่งขับเคลื่อนด้านการสื่อสารภาพลักษณ์ และสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนตามนโยบายรัฐบาลเช่นกัน

โดย 8 พันธมิตรนี้มีครอบคลุมตลอด customer journey ตั้งแต่ต้นทางในการสร้างการรับรู้ จนถึงการเดินทางสู่ประเทศไทย และยังรวมถึงการอำนวยความสะดวกระหว่างการเดินทางในประเทศไทย ที่สำคัญเครือข่ายของพันธมิตรดังกล่าวสามารถเข้าถึงประชากรจีนกว่า 800-900 ล้านคนทั่วประเทศ

อาทิ Sina Cooperation เป็นบริษัทสื่อออนไลน์และเทคโนโลยี มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านแอ็กเคานต์ทั่วโลก และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม weibo หนึ่งในโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน Trip.com เป็นผู้ให้บริการจองการท่องเที่ยวออนไลน์ที่มีสัดส่วนตลาดมากที่สุดในจีนและทั่วโลก Ant International (Alipay) เป็นผู้ให้บริการออนไลน์แบงกิ้งบริษัทลูกของอาลีบาบา มีผู้ใช้มากกว่า 600 ล้านคนในจีน เหม่ยถวน (Meituan.com) คือแอปพลิเคชั่นรีวิว มีความโดดเด่นด้านคูปองส่วนลดยอดนิยมของจีน อ้ายฉีอี้ (iQIYI) เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอเอ็นเตอร์เทนเมนต์ออนไลน์อันดับ 1 ของจีน เป็นต้น

“ตอนนี้โจทย์สำคัญของเราคือ การเร่งสื่อสารภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพของพันธมิตรดังกล่าวจะทำให้เราเรียกคืนความเชื่อมั่นและมีผลตอบรับด้านการขายด้วยได้แน่นอน” นางสาวฐาปนีย์กล่าว

เอกชนย้ำ “เมืองไทยปลอดภัย”

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสากรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากที่รัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่นำทีมนักธุรกิจไปเยือนผู้นำจีนด้วยตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ยังเป็นปัญหาในขณะนี้คือ สายการบินยังกลับมาให้บริการไม่เต็มที่

ขณะที่นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวเสริมว่า ประเด็นใหญ่ที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการคือ เร่งการสื่อสารโดยย้ำเมสเสจว่าประเทศไทยมีความปลอดภัย นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวได้ปกติ และทั่วโลกก็เชื่อมั่นในประเทศไทย โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวแล้วกว่า 21 ล้านคน

“ส่วนตัวมองว่าการพยายามอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการยกเว้นวีซ่าก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ประเด็นเรื่องของข่าวเฟกนิวส์ว่ามาเที่ยวประเทศไทยแล้วไม่ปลอดภัย เป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราต้องช่วยกันสื่อสารก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยทำควบคู่กับการทยอยปลดล็อกเรื่องวีซ่า” นายศิษฎิวัชรกล่าว