ททท.ปรับแผนรับท่องเที่ยวทรุด! เลิกตั้งเป้ารายปี มั่นใจอีก 5 ปีรายได้ติดท็อป 7 โลก

ททท. เผยท่องเที่ยวครึ่งปีแรกชะลอ ชี้เจอปัจจัยภายนอกกระหน่ำ ซ้ำเติมตลาดระยะไกลหด ปรับโฟกัสบุกเอเชียใต้-โอเชียเนีย เชื่อยังดันนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 40 ล้านคน เตรียมเสนอเปลี่ยนวิธีวัดผลเลิกตั้งเป้าโตปีละ 10% หันวัด 5 ปี รายได้ติดท็อป 7 ของโลก หวังกระจายรายได้-หนีขีดความสามารถจำกัดเกินเพิ่มจำนวน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ภายใน 6 เดือนแรกของปี 2562 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเยือนไทยแล้วทั้งสิ้น 20 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท ด้านตลาดในประเทศนักท่องเที่ยวไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศแล้ว คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวไปกว่า 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งแม้ทั้งสองตลาดจะมีการเติบโตที่ต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ก็ยังถือว่ามีการเติบโตอยู่ 

ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงเกิดจากหลายปัจจัยทั้งสภาวะเงินบาทแข็งค่าที่ทำให้ราคาทัวร์ปรับขึ้น 10-20% อากาศร้อนจากฮอตเวฟในยุโรปที่ทำให้นักท่องเที่ยวเที่ยวในภูมิภาคมากขึ้น ความไม่แน่นอนของเบรกซิตในอังกฤษ และสภาพเศรษฐกิจระส่ำทั่วโลก แต่ก็ยังคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคนที่ประเมินไว้ยังพอมีความเป็นไปได้อยู่ โดยขณะนี้ ททท. ได้หันมาให้ความสำคัญกับตลาดที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดอย่างเอเชียใต้และโอเชียเนียแทน

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอนาคต ททท.อาจจะมีการปรับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีที่แต่เดิมกำหนดให้ทุกๆ ปีจะต้องมีการเติบโตของรายได้ภาพอย่างน้อย 10% ออกไป และเปลี่ยนเป็นตั้งเป้าหมายขยับรายได้จากการท่องเที่ยวให้ขึ้นไปติด 7 อันดับสูงสุดของโลกแทนในระยะเวลาแผน 5 ปี พร้อมรักษาอัตราส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) เอาไว้ที่ 7%

“หากมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจริง เชื่อว่าจะสร้างความพอใจให้กับทุกฝ่ายและมีโอกาสที่จะเพิ่มรายได้ทางการท่องเที่ยวของประเทศ พร้อมทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวกระจายออกไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันไทยมีขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จำกัดทั้งเรื่องการคมนาคม ความปลอดภัย และการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน”