มั่นใจ “ท่องเที่ยว” ฟื้นเร็ว ! เอกชนลุ้น “ซอฟต์โลน” ต่อลมหายใจ

สัมภาษณ์พิเศษ

การกลับมาเปิดให้บริการบินเส้นทางภายในประเทศของหลายสายการบินในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ นับเป็นสัญญาณที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะตลาดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ domestic tourism เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการเดินทางข้ามจังหวัด หรือการเดินทางภายในประเทศของกลุ่มคนไทยที่จะออกไปสู่สายตาต่างประเทศได้ระดับหนึ่งแล้ว

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ถึงความพร้อมของกลุ่มผู้ประกอบการ รวมถึงแนวทางการตั้งรับและขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยวสำหรับตลาดอินบาวนด์ (นักท่องเที่ยวขาเข้า) ไว้ดังนี้

รัฐบาลรับปาก “เยียวยา”

“วิชิต” บอกว่า ในช่วงตลอด 1-2 เดือนที่ผ่านมา สมาคมแอตต้าทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการดูแลเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาสมาชิกและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเจรจากับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคารออมสิน, กระทรวงแรงงาน ฯลฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้ง 13 สาขาอาชีพได้รับการช่วยเหลือและเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือซอฟต์โลนตามนโยบายรัฐบาล

โดยสถานการณ์โดยรวมในขณะนี้ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจและประสบความสำเร็จด้านการเจรจากับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเฉพาะในประเด็นการช่วยเหลือด้านแรงงานที่สำนักงานประกันสังคมและกระทรวงแรงงานที่ช่วยเหลือภาคแรงงานทุกสาขาอาชีพของภาคการท่องเที่ยว ทั้งในส่วนที่รัฐบาลสั่งปิดสถานประกอบการและสถานประกอบการที่ปิดกิจการเองชั่วคราว รอเพียงแค่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น

ซอฟต์โลนทยอยออก พ.ค.นี้

รวมทั้งเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟต์โลน ที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับปากดำเนินการในหลักการแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ทุกสมาคมท่องเที่ยวก็ได้ส่งรายชื่อผู้ประกอบการพร้อมวงเงินการขอกู้ไปยังสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจากสถาบันการเงิน ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป สถาบันการเงินต่าง ๆ น่าจะเริ่มทยอยอนุมัติวงเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวออกมาเป็นระยะ

“วิชิต” บอกว่า ที่ผ่านมาแต่ละสมาคมได้แจ้งความจำนงไปแล้วว่าแต่ละสมาคมมีความต้องการใช้ซอฟต์โลนมูลค่าเท่าไหร่

อย่างไร สำหรับสมาคมแอตต้านั้นเท่าที่ประเมินน่าจะใช้วงเงินซอฟต์โลนครั้งนี้ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท จากจำนวนสมาชิกทั้งหมดราว 1,600 บริษัท ส่วนบริษัทไหนจะได้เท่าไหร่ก็คงอยู่ที่เครดิตของแต่ละรายที่ทางสถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติ

คาด มิ.ย. มีสัญญาณบวก

“ถึงตอนนี้เรารับรู้ว่ากลุ่มท่องเที่ยวทั้งหมดของเราอยู่รอดแน่ ๆ ในช่วง 3-4 เดือนนี้ เพราะส่วนหนึ่งมีประกันสังคมช่วยดูแลเรื่องแรงงาน และมั่นใจ ซอฟต์โลนทยอยออกมาในเดือนพฤษภาคมนี้ และที่น่ายินดีคือตัวเลขของสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะดีขึ้นและเหลือน้อยมากในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม หากเป็นในทิศทางนี้เดือนมิถุนายนก็น่าจะเป็นเดือนที่เริ่มมองเห็นโอกาสของการท่องเที่ยวบ้าง”

“วิชิต” บอกอีกว่า หากสถานการณ์เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 เดือนในการฟื้นฟู หากภาคท่องเที่ยวในทุกสาขาอาชีพอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทนำเที่ยว, บริษัทให้บริการรถนำเที่ยว, โรงแรม, ร้านอาหาร ฯลฯ คิดว่าภาคการท่องเที่ยวจะสามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับมาได้เหมือนเดิม

ชี้เที่ยวในประเทศฟื้นก่อน

“วิชิต” ยังให้ข้อมูลด้วยว่า สำหรับตลาดที่คาดว่าจะฟื้นตัวก่อนเป็นอันดับแรกคือ การท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย ซึ่งคาดว่าหลังจากที่สายการบินบางแห่งเริ่มกลับมาให้บริการแล้วจะทำให้คนไทยเกิดการเดินทางข้ามจังหวัด ทั้งเพื่อธุรกิจ หรือเพื่อเดินทางพักผ่อน และเชื่อว่าน่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในการเดินทางมากยิ่งขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้

ซึ่งหากผู้ประกอบการเกือบทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา รวมถึงเข้าถึงซอฟต์โลนได้ตามเป้าหมายก็จะทำให้ภาคธุรกิจมีความพร้อมในการฟื้นกลับได้เร็วขึ้น

เชื่อ FIT พร้อมเดินทาง

ส่วนแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นจะกลับมาเร็วหรือช้านั้น “วิชิต” บอกว่า อยู่ที่ความร่วมมือของคนไทยเป็นหลัก ถ้าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และให้ความร่วมมือกับภาครัฐน่าจะทำให้มีความชัดเจนว่าประเทศไทยอยู่ในกรอบที่ปลอดภัยได้ราวเดือนมิถุนายน ถ้าประเทศไทยปลอดภัยและมีบางประเทศที่ปลอดภัยแล้วน่าจะทำให้เกิดการเดินทางไปมาหาสู่กันได้ เชื่อว่าตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนน่าจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่เกิดการเดินทางท่องเที่ยว เมื่อบวกกับภาคบริการของไทยที่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลเป็นอย่างดีจะทำให้ศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวเมื่อเกิดการเดินทางอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม มองว่ารูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวอาจจะเปลี่ยนไป โดยส่วนตัวมองว่าในช่วงแรกนี้กรุ๊ปทัวร์ใหญ่ ๆ มีที่จำนวนนักท่องเที่ยว 30-40 คนจะยังเข้ามาในปริมาณที่น้อย เนื่องจากแต่ละคนก็อยากไปเที่ยวกับกลุ่มคนที่รู้จัก ปลอดภัย ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มที่เดินทางกับครอบครัว และกลุ่มเดินทางแบบธุรกิจจะมีปริมาณที่มากกว่า

ฉะนั้น ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการทำการตลาดใหม่ พร้อมทั้งเตรียมนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับกรุ๊ปขนาดเล็ก ในราคาที่สมเหตุสมผล น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสกลับมาเร็ว โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมาจากนั้น มั่นใจว่ากลุ่มที่เป็นกรุ๊ปทัวร์จะสามารถกลับมาได้ในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชียและจีนที่สำคัญ ยังเชื่อว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะเป็นธุรกิจแรก ๆ ที่จะพลิกฟื้นกลับมา…