
เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 โรงแรม ร้านอาหาร ร้อง รมว.ท่องเที่ยวผู้ว่าฯ ททท. รัฐค้างจ่าย ส่วนลด 40% นับ 100 ล้านบาท ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง เผยรัฐตรวจรายการเบิกเงินเข้มข้น ทัวร์เที่ยวไทยยิ่งหนักแบกภาระต้นทุนอ่วม เมืองท่องเที่ยวเจอสารพัดปัญหา ชลบุรีหนักสุด รัฐค้างจ่ายแสนกว่าราย
นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเด็นปัญหารัฐบาลค้างชำระเงิน 40% ให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วย ต่อเนื่องเฟส 3 และเฟส 4 ภาพรวมของโรงแรมภาคตะวันออกมีผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ยังไม่รับเงินจากรัฐบาลกว่า 100,000 ราย มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท เฉลี่ยรายละ 1-3 ล้านบาท
โดยเฉพาะเฟส 3 ยังมียอดค้างจ่ายสูงเนื่องจากรัฐเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของโครงการตั้งแต่ครั้งแรก ทำให้การเบิกจ่ายค่อนข้างช้า ซึ่งผู้ประกอบการยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะมีการจ่ายตอนไหน
ขณะนี้ผู้ประกอบการโวยกันมาก และอยากถอดชื่อออกจากโครงการเนื่องจากไม่ได้เงิน ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ผู้ประกอบการก็ต้องจ่ายไปก่อน แทนที่จะได้เงินจากโครงการกลับมาเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าหากมีการถอดชื่อออกไปก็เสียโอกาส
เพราะทุกวันนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน หากไม่ได้อยู่ในโครงการจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยลง ภายในสัปดาห์นี้ทางสมาคมมีแนวโน้มว่าจะทำหนังสือถึง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อหาข้อสรุป
“อย่างน้อยรัฐบาลควรจะทยอยจ่าย แต่เขาก็แจ้งว่าติดเรื่องเอกสาร เช่น บอกว่าเช็กอินระบบไม่ผ่าน สแกนใบหน้าไม่ผ่าน เราก็ถามกลับไปว่าถ้าสแกนไม่ผ่านแล้วมันจะขึ้นเช็กอินในระบบได้อย่างไร และให้เราไปเอารูปภาพตอนที่ลูกค้าเช็กอินมาเป็นหลักฐาน แต่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว 4-5 เดือนแล้ว”
ทั้งนี้ โรงแรมภาคตะวันออกมีหลักฐานยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่จ่าย และโรงแรมทั้งหมดเกิดปัญหาตอนนี้เป็นโรงแรมที่ใบขออนุญาตประกอบกิจการชัดเจนทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เพราะถ้าโรงแรมไม่มีใบประกอบกิจการก็ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
รร.-ร้านอาหารเชียงใหม่ค้างจ่าย
นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โรงแรมและร้านอาหารในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในเฟส 3 และ 4 ขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40% จากรัฐบาล
เช่นเดียวกับหลาย ๆ จังหวัดทั่วประเทศที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ โดยจังหวัดเชียงใหม่มีโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และ 4 จำนวน 224 แห่ง ร้านอาหารจำนวน 96 แห่ง ซึ่งถือเป็นผลกระทบที่เข้ามาซ้ำเติม จากที่กระแสเงินสดของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ดีอยู่แล้วในช่วงเศรษฐกิจขาลง ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ล่าสุดเมื่อกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ทางสมาคมได้ร้องเรียนไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และต้องการให้ดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของ ททท.รับทราบปัญหา และยืนยันว่าจะเร่งแก้ไข โดยจะมีการแถลงข่าวเร็ว ๆ นี้
นางละเอียดกล่าวต่อไปว่า จากปัญหาความล่าช้าในการได้รับเงินสนับสนุน 40% จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่ถอนตัวที่จะเข้าร่วมโครงการในเฟส 4 เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะร้านอาหาร
โรงแรมป่าตองยังไม่ได้เงิน
นางสุพัตรา จารุอริยานนท์ นายกสมาคมโรงแรมหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โรงแรมในหาดป่าตองที่เป็นสมาชิกของสมาคมประสบปัญหายังไม่ได้รับเงินจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ประมาณ 20-30%จากสมาชิกสมาคมทั้งหมดที่มีประมาณ 60-70 ราย
ซึ่งทางธนาคารแจ้งว่า ให้รองบประมาณส่งมาก่อน ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง ตอนนี้สภาพคล่องโรงแรมไม่ได้กลับมา 100% การจ่ายเงินช้าเราไม่มีเงินหมุนเวียนทางสมาคมได้แจ้งเรื่องดังกล่าวไปยังสมาคมโรงแรมภาคใต้ ซึ่งได้ทำหนังสือไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ อยากให้ ททท.ช่วยผลักดันให้เร็ว จะได้ช่วยด้านสภาพคล่องของผู้ประกอบการ
ขณะที่ในภาคอีสานอย่างบุรีรัมย์ นายเสมาชัย ปลื้มใจ ประธานชมรมโรงแรมจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า ผู้ประกอบการได้รับเงินล่าช้าจากโครงการอยู่ประมาณ 2-3 แห่ง วงเงินหลักหมื่นบาทต่อราย รวมแล้วเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก และได้สอบถามกับ ททท.จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดอื่น ๆ พบว่ามีความล่าช้าเหมือนกันทั่วประเทศ
โรงแรมเพชรบุรีหมุนเงินไม่ทัน
นายสายัณต์ สิทธิโชคธรรม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเพชรบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รัฐบาลค้างชำระเงิน 40% จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยเงินที่รัฐบาลจะจ่ายให้นั้นยังจ่ายให้ไม่หมดและเหลือค้างเป็นจำนวนมากหลายราย เฉลี่ยหลักแสนบาทต่อราย
ตั้งแต่โรงแรมขนาดเล็กไปจนถึงโรงแรมขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ประกอบการหมุนเงินไม่ทัน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ต้องการให้รัฐเร่งการเบิกจ่ายให้เร็วที่สุด
ททท.ตั้งทีมเฉพาะกิจสางปัญหา
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมาเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมากจริง
โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นกรณีลูกค้าที่ใช้สิทธิ 5 สิทธิขึ้นไป สแกนใบหน้าไม่ผ่าน และทางโรงแรมกดสิทธิให้ลูกค้าเอง ซึ่งในกรณีนี้รายละเอียดทั้งหมดได้ระบุไว้ในเงื่อนไขการใช้สิทธิอยู่แล้ว ว่าผู้ประกอบการโรงแรมต้องส่งเอกสารให้กับทาง ททท.ตรวจสอบ
เช่นเดียวกับกรณีของการใช้ e-Voucher สำหรับชำระค่าอาหารและบริการอื่น ๆ ด้านการท่องเที่ยวที่จำเป็นต้องตรวจสอบเอกสารสำหรับกรณีที่ผู้ใช้บริการนำไปซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีปัญหาในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1 และ 2
นางสาวฐาปนีย์กล่าวด้วยว่า ประเด็นปัญหาดังกล่าว ททท.รับทราบมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้เร่งแก้ไขปัญหาด้วยการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแล้ว
ปัจจุบันมีรายการที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบประมาณ 3,000-4,000 รายการเท่านั้น จากช่วงที่มีปัญหามากที่สุดมีสะสมถึงประมาณ 40,000 รายการ ซึ่งคาดว่า ททท.จะสามารถเคลียร์รายการทั้งหมดได้ภายใน 60 วันนับจากนี้
“การตรวจสอบดังกล่าวเราไม่ได้คิดว่ามีการโกงหรือไม่โกง แต่โดยระเบียบเราต้องตรวจสอบ ส่วนกรณีที่ผู้ใช้บริการสแกนหน้าเข้าระบบเองผ่านเราก็ไม่ได้ตรวจสอบเพิ่ม เราขอเอกสารเพิ่มกรณีที่โรงแรมกดรับสิทธิให้ลูกค้าเท่านั้น ซึ่งเงื่อนไขนี้ก็มีกำหนดอยู่ในระเบียบอย่างชัดเจน เพียงแต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการบางรายอาจอ่านไม่ละเอียด” นางสาวฐาปนีย์กล่าว
“ทัวร์เที่ยวไทย” แบกต้นทุนอ่วม
ด้าน นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ดูแลตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศ (domestic) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ไม่เพียงแค่โครงการเราเที่ยวด้วยกันเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการทัวร์เที่ยวไทยซึ่งรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณผ่านบริษัทนำเที่ยวก็มีปัญหามากเช่นกัน
“ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการที่ทำทัวร์พาคนไทยไปเที่ยวกลับมาแล้วตั้งงบฯเบิกกับภาครัฐก็เจอปัญหารายละเอียดปลีกย่อยที่เยอะมาก เยอะจนทำธุรกิจยาก เมื่อทำเบิกจ่ายยาก ต้องรอกระบวนการตรวจสอบ ผู้ประกอบการหลายรายต้องแบกรับต้นทุนไว้จำนวนมาก ทำให้ไม่มีเงินไปหมุนเพื่อทำธุรกิจต่อ ซึ่งจุดนี้ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้โครงการไม่เดินหน้าเท่าที่ควรจะเป็น” นายธนพลกล่าว