การบินไทยแก้แผนฟื้นฟู ลดวงเงินใหม่เหลือ 2.5 หมื่นล้าน จ่อยื่นศาล ก.ค.

การบินไทย

“การบินไทย” เผยสถานการณ์อุตสาหกรรมการบินเปลี่ยน รุกแก้แผนฟื้นฟูใหม่อีกรอบ ลดกรอบวงเงินใหม่เหลือ 2.5 หมื่นล้าน ชี้ต้องการใช้จริงเพียงแค่หมื่นกว่าล้าน ที่เหลือเก็บสำรองกันความเสี่ยง เตรียมยื่นศาลต้นเดือน ก.ค.นี้

วันที่ 28 มิถุนายน 2565 นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ในฐานะคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับแผนฟื้นฟูใหม่ เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจ (Business Model) และสภาวะแวดล้อมของอุตสาหกรรมการบินเปลี่ยนไป

โดยประเด็นหลักของแผนดังกล่าวคือ ความจำเป็นในการใช้เงินใหม่ลดลงเหลือ 25,000 ล้านบาท จากแผนเดิมที่ทำไว้ที่ 50,000 ล้านบาท รวมถึงแผนการหารายได้ที่คาดว่าพลิกกลับมาได้เร็วขึ้น โดยบริษัทมีแผนจะยื่นแผนใหม่ต่อศาลล้มละลายกลางในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2565 นี้

ทั้งนี้ วงเงินใหม่ดังกล่าวนี้บริษัทประเมินว่า มีความต้องการใช้จริงเพียงกว่า 10,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อนำมาสร้างรายได้เป็นหลัก เช่น พัฒนาบริการบนเครื่องบิน ซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ พัฒนาด้านดิจิทัลเทคโนโลยี พัฒนาช่องทางการขาย เป็นต้น ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินสำรองกรณีฉุกเฉิน เผื่อจำเป็น หรือกรณีที่ต้องลงทุนเพิ่ม

โดยวงเงินใหม่ดังกล่าวจะเข้ามาในในรูปแบบการกู้และการเพิ่มทุนในช่วงปี 2566-2567 ซึ่งการเพิ่มทุนก็จะมีทั้งเพิ่มทุนจากเจ้าหนี้รายเดิม เพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นรายเดิม และเพิ่มทุนจากนักลงทุนใหม่

“การบินไทยมีมูลหนี้เยอะมาก และเจ้าหนี้มีจำนวนมากเช่นกัน เราจึงต้องพยายามดูแลเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นให้เหมาะสม ซึ่งเรายืนยันว่าแผนใหม่ที่เราจะยื่นในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ดีกว่าแผนเดิมแน่นอน” นายชาญศิลป์กล่าว

นายชาญศิลป์กล่าวว่า เหตุผลที่ลดกรอบวงเงินใหม่ลงมาเท่าตัวนั้นเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นตามลำดับ เมื่อรวมกับรายได้ที่เกิดจากการสินทรัพย์บางส่วนออกไป เช่น หุ้นในบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ บาฟส์ ขายหุ้นในสายการบินนกแอร์ ขายอาคารสำนักงานที่ไม่ใช้งาน ฯลฯ รวมมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีเงินทุนสดเข้ามาหมุนเวียนเพียงพอในระดับหนึ่งแล้ว

“เดือนตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเปิด Test & Go เรามีรายได้รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่ง 87% เป็นรายได้จากการให้บริการขายส่งสินค้า เดือนพฤษภาคม 2565 รายได้เราเพิ่มเป็นกว่า 5,200 ล้านบาท เดือนมิถุนายน 2565 มีรายได้กว่า 5,100 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 7,074 ล้านบาทในเดือนกรกฎคาคม 2565 นี้” นายชาญศิลป์กล่าว

และว่า จากแนวโน้มดังกล่าวนี้ ทำให้บริษัทมีแผนที่จะนำเครื่องบินเก่าที่อยู่ในแผนจำหน่ายออกไปมาซ่อมบำรุงให้กลับมาใช้งานได้เพื่อนำมาเสริมฝูงบินในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้อีกจำนวน 5 ลำ ประกอบด้วย โบอิ้ง 777-200 ER จำนวน 2 ลำ และแอร์บัส A330 อีกจำนวน 3 ลำ

ซึ่งจะทำให้การบินไทยมีจำนวนเครื่องบินในฝูงบินรวม 46 ลำ (ปัจจุบันมี 41 ลำ) เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต (Capacity) ทั้งเพิ่มความถี่เที่ยวบิน และเพิ่มเส้นทางบินใหม่รองรับปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารทั่วโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันเที่ยวบินของการบินมีอัตราการบรรทุกผู้โดสารเฉลี่ยประมาณ 80-90% การเพิ่มรายได้จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนเครื่องบินด้วย

“ในปี 2019 ก่อนวิกฤตโควิดการบินไทยให้บริการอยู่ประมาณ 70 เส้นทางบินทั่วโลก ปลายปีนี้เราน่าจะกลับมาให้บริการได้ประมาณ 55 เส้นทางบิน จำนวนฝูงบิน 46 ลำ ซึ่งในจำนวนนี้มีคาพาซิตี้คิดเป็นประมาณ 40% ของปี 2019 เท่านั้น โดยจะโฟกัสเส้นทางบินที่มีศักยภาพในการทำกำไรเท่านั้น” นายชายกล่าว

และว่า แนวทางดังกล่วนี้จะทำให้การบินไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกว่า 5 พันล้านบาทในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือนได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2565 นี้ และทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้น