เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป มั่นใจเที่ยวไทย ปี 2568 เปิดโรงแรมครบ 100 แห่ง

เรดิสันโฮเทล

“เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป” มั่นใจศักยภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ตั้งเป้าภายในปี’68 เปิดโรงแรม-รีสอร์ตในไทยครบ 100 แห่ง ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 1,700 แห่ง ขยายตัวก้าวกระโดด 5 เท่าตัวชู 3 แบรนด์หลัก “เรดิสัน อินดิวิดวลส์-Park Inn by Radisson-Radisson RED” เจาะตลาดเมืองท่องเที่ยวหลัก กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ เกาะสมุย

นางสาวแคทรีน่า จีอานูกา ประธาน เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป เอเชีย-แปซิฟิก หรือ RHG Group เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของแบรนด์ต่าง ๆ ในเครืออย่างต่อเนื่อง

กลุ่มเรดิสันจึงมีแผนขยายธุรกิจในประเทศไทยแบบทวีคูณ โดยตั้งเป้าเปิดโรงแรมและรีสอร์ตครบ 100 แห่งในปี 2568 จากปัจจุบันที่มีทั้งหมด 6 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว 4 แห่งในกรุงเทพฯ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 2 แห่ง ที่ภูเก็ตและพัทยา

แคทรีน่า จีอานูกา

โดยแผนการเติบโตทางธุรกิจสำหรับประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายธุรกิจในวงกว้างที่เรดิสันโฮเทล กรุ๊ป วางเป้าหมายไว้ว่าจะขยายการเติบโตของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตในเครือในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็น 1,700 แห่งภายในปี 2568 จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 400 แห่ง

นางสาวแคทรีน่ากล่าวว่า สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น จะเน้น 3 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย 1.เรดิสัน อินดิวิดวลส์ (Radisson Individuals) ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ล่าสุด และเป็นกระแสแรงอยู่ทั่วโลก โดยคาดว่าจะสามารถดึงดูดและได้รับความนิยมจากเจ้าของและนักพัฒนาธุรกิจโรงแรมในไทยที่ต้องการทำธุรกิจกับกลุ่มโรงแรมคุณภาพ

แต่สัญญาการบริหารจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และมูลค่าการลงทุนที่ลดลง ขณะเดียวกันยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ ลักษณะและบุคลิกภาพของโรงแรมไว้

2.Park Inn by Radisson แบรนด์ระดับกลางค่อนไปทางระดับบนที่กำลังผลักดันให้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในไทย เป็นแบรนด์ที่นำเสนอบริการแบบปัจจัยพื้นฐานที่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความอบอุ่นและสะดวกสบายของผู้เข้าพักเป็นหลัก ด้วยการให้บริการที่เป็นมิตร มีความพิเศษและให้ความรู้สึกที่ดียิ่งขึ้น

และ 3.Radisson RED เป็นแบรนด์ระดับ upscale ที่ผสมผสานระหว่างรูปลักษณ์โรงแรมในแบบเดิมมาปรับให้เข้าพื้นที่ใช้สอยให้มีความสนุกสนานด้วยสไตล์การออกแบบที่โดดเด่น และทำให้แขกสามารถสัมผัสได้ถึงแรงบันดาลใจ มีความรู้สึกเชื่อมโยงและเข้าใจถึงจุดหมายปลายทาง

“การที่เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป วางแผนกลยุทธ์ที่มีความท้าทายเช่นนี้ เป็นกลไกขับเคลื่อนรูปแบบทางธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุนและเจ้าของโรงแรมแต่ละคนโดยเฉพาะ เป็นการตอบสนองเชิงกลยุทธ์ที่มาจากแรงผลักดันทั้งภายในและภายนอกรวมกัน ทั้งการเติบโตแบบออร์แกนิกที่เกิดขึ้นด้วยศักยภาพขององค์กรเอง การควบรวมกิจการ รวมถึงการทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในการบริหาร หรือ master license agreements” นางสาวแคทรีน่ากล่าว

และว่า ทั้งนี้ทุกแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัทในเครือเรดิสันนั้น มีโครงสร้างการออกแบบของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรดิสัน คอลเลคชั่น (Radisson Collection) เรดิสัน บลู (Radisson Blu) และเรดิสัน (Radisson)

ขณะเดียวกันก็มุ่งเจาะกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรีสอร์ตและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โดยเน้นเลือกทำเลที่ตั้งที่เป็นแหล่งธุรกิจและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และเกาะสมุย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงของไทยในขณะนี้

นอกจากนี้ กลุ่มเรดิสันยังมีการเซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระดับภูมิภาคกับผู้ถือหุ้นของกลุ่มบริษัทจินเจียง อินเตอร์เนชั่นแนล (Jin Jiang International) และบริษัทในเครือเพื่อเร่งการขยายตัว ซึ่งเจ้าของธุรกิจและนักพัฒนาจะสามารถเข้าถึงกลุ่มแบรนด์หลากหลายที่มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในตลาดทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและประเทศไทย

โดยกลุ่มโรงแรมเรดิสันได้รับสิทธิในการบริหารและพัฒนาธุรกิจกับแบรนด์ 7 Days และ Metropolo โดยได้มีการทำสัญญาอนุญาตและสิทธิหลักในการเป็นผู้ดำเนินงานบริหารจัดการธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือจินเจียง เพื่อเจาะกลุ่มตลาดระดับบนและระดับกลาง ซึ่งปัจจุบันมีแบรนด์ที่กลุ่มเรดิสันได้รับสิทธิเข้าพัฒนาธุรกิจแล้ว ได้แก่ โกลเด้น ทิวลิป (Golden Tulip) คีเรียด (Kyriad) และคัมพานิล (Campanile) จากลูฟวร์ โฮเทล กรุ๊ป (Louvre Hotels Group)