ททท.เปิดยุทธศาสตร์ปี’66 ฟื้นท่องเที่ยวสร้างสมดุลทุกมิติ

ยุทธศักดิ์ สุภสร
สัมภาษณ์

จากทิศทางการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้ 50% ของปีนี้ 2562 (ก่อนโควิด-19) และเพิ่มเป็น 80% ในปี 2566 และกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 หรือมีรายได้รวมที่ประมาณ 3 ล้านล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยวราว 40 ล้านคนอีกครั้งได้ในปี 2567

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการดำเนินงานสำหรับปี 2566 ว่า ททท.วางเป้ายกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมในทุกมิติ พร้อมเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่ม first visit มากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูง

ตั้งเป้ารายได้ 1.7 ล้านล้าน

โดยตั้งเป้าหมายการดำเนินงานไว้ดังนี้ 1.ด้านการบริหารจัดการองค์กร ได้รับคะแนนประเมินผลรัฐวิสาหกิจสูงกว่าปี 2565 2.ด้านการตลาด โดยประเทศไทยต้องเป็นประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุดติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก

และ 3.เป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศประมาณ 11-30 ล้านคน แบ่งเป็น 3 ซีนาริโอ คือ สถานการณ์เลวร้ายที่สุด (worst case) 11 ล้านคน กรณีฐาน (base case) 18 ล้านคน และกรณีที่ดีที่สุด (best case) 30 ล้านคน

และมียอดใช้จ่ายอยู่ที่ 50,000-54,000 บาทต่อคนต่อทริป เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ก่อนโควิด-19 ที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 47,000 บาท และสร้างรายได้รวมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 0.58-1.5 ล้านล้านบาท และมีกรณีฐานอยู่ที่ 0.98 ล้านล้านบาท

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ ททท.ตั้งเป้าปี 2566 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 117-135 ล้านคน-ครั้ง กรณี base case 130 ล้านคน-ครั้ง ค่าใช้จ่าย 4,200-4,800 บาท ต่อครั้งต่อคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 0.67-0.88 ล้านล้านบาท

ดังนั้น ในภาพรวม ททท.ตั้งเป้าภาคการท่องเที่ยวจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศรวม 1.25-2.38 ล้านล้านบาท โดยมีกรณี base case ที่ 1.73 ล้านล้านบาท

“ศก.ถดถอย” ปัจจัยเสี่ยง

“ยุทธศักดิ์” บอกว่า ในปี 2566 นี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังมีปัจจัยเสี่ยงที่น่าจับตาในหลายประเด็น เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ฯลฯ ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมา

ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้อาจส่งผลต่อจิตวิทยาการออกเดินทางท่องเที่ยวขณะที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวเลือกที่จะเก็บเงินมากขึ้น และลดหรือเลื่อนการเดินทางออกไป อย่างไรก็ตาม ประเมินว่านักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งยังต้องการออกเดินทาง ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า อาจช่วยกระตุ้นการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้บ้าง

ดัน “ไทย” เที่ยวได้ตลอดทั้งปี

สำหรับแนวทางการกระตุ้นการเดินทางของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น “ยุทธศักดิ์” บอกว่า ททท.จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี พร้อมทั้งเตรียมเปิดตลาดเชิงพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น ซาอุดีอาระเบีย ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง รวมถึงขยายการประชาสัมพันธ์สู่เมืองรองในตลาดเดิมด้วย

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนผลักดันการ เพิ่มโอกาสในการเดินทาง เข้าถึงประเทศไทยในทุกด่าน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เช่น การเพิ่มปริมาณที่นั่งของสายการบิน (seat capacity) ในตลาดระยะใกล้ให้กลับมาสู่ระดับ 80% ของปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19

“เชื่อว่าปี 2566 จะเป็นปีแห่งการกลับมา หรือ the great resumption ของตลาดต่างประเทศ รายได้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 ล้านล้าน น่าจะเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพต่อไป”

ส่วนตลาดการท่องเที่ยวในประเทศนั้น ททท.จะเดินหน้าแคมเปญ “365 มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” โดยทำทุกวันให้เป็น high season โดยกำหนดธีมการท่องเที่ยวของทั้ง 5 ภาค ได้แก่ เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ, เทรนดี้ C2 ภาคกลาง, สบ๊ายสบายภาคตะวันออก, หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน และหรอยแรงแหล่งใต้

มั่นใจปี’65 นทท. 10 ล้านคน

“ยุทธศักดิ์” ย้ำว่า สำหรับปี 2565 นี้ มั่นใจว่าประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้รวมทั้งนักท่องเที่ยวในและต่างประเทศรวม 1.5 ล้านล้านบาท

โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วกว่า 2.7 ล้านคน และคาดว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 นี้ไปจนถึงเดือนกันยายนจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเดือนละประมาณ 1 ล้านคน และเพิ่มเป็นเดือนละ 1.5 ล้านคนในช่วงไตรมาส 4

สันติ แสวงเจริญ ผอ.ททท. นิวยอร์กและโทรอนโต

ปี 2562 นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกาเดินทางเข้ามาประเทศไทย 1.6 ล้านคน เป็นตลาดใหญ่และสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย แม้ในปีที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 แต่นักท่องเที่ยวตลาดสหรัฐยังคงเป็นตลาดหลักมาอย่างต่อเนื่อง

“สันติ แสวงเจริญ” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนิวยอร์กและโทรอนโต บอกว่า “นักท่องเที่ยวสหรัฐเป็นตลาดที่มีความเสถียร ไม่ค่อยอ่อนไหวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว”

จากการรวบรวมข้อมูลของสำนักงานนิวยอร์ก พบว่านักท่องเที่ยวชาวอเมริกันจำนวน 86% วางแผนออกเดินทางในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย 28.4% วางแผนออกเดินทางต่างประเทศ

สำหรับแผนการประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐนั้น “สันติ” บอกว่า ททท.สำนักงานนิวยอร์กมีเป้าหมายเจาะกลุ่มมิลเลนเนียล (อายุ 18-34 ปี) เป็นหลัก ตามด้วยกลุ่มลักเซอรี่ (อายุ 30-44 ปี) ซึ่งมีรายได้ราว 136,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และกลุ่มอัลตราลักเซอรี่ (อายุ 34-60 ปี)

รวมทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดเฉพาะเพิ่มเติม เช่น กลุ่มคู่รัก, เวลเนส และ กลุ่มความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดนี้ยังต้องจับตาปัญหาด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และเกิดภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยวได้

สดุดี แสงนิล ผอ.ททท. ลอนดอน UK

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะเดินทางไปยังพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และพื้นที่ท่องเที่ยวตามชายฝั่งทะเลอันดามันเป็นหลัก

“สดุดี แสงนิล” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานลอนดอน สหราชอาณาจักร ให้ข้อมูลว่า ปี 2565 ททท.ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร 500,000 คน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของปี 2562 แต่สถานการณ์ในขณะนี้ตลาดนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรมีปัจจัยที่น่าจับตา คือ นักท่องเที่ยวบางส่วนยังไม่ทราบว่าประเทศไทยได้รับการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางหมดแล้ว รวมถึงปัญหาราคาตั๋วโดยสารเครื่องบินที่สูงและมีจำนวนจำกัด

โดยปัจจุบันมีสายการบินที่บินตรงเข้าประเทศไทยเพียงแค่ 3 สายการบินเท่านั้น คือ การบินไทย, สกู๊ต และอีว่าแอร์ นอกจากนี้ ยังมีสายการบิน Tui ที่มีแผนให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565-มีนาคม 2566 รวมกว่า 27,000 ที่นั่ง

ทั้งนี้ ททท.มีแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในช่วงฤดูหนาวนี้ เช่น ร่วมกับทีมถ่ายทำรายการ Top Gear รายการเกี่ยวกับรถยนต์ชื่อดัง ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ BBC โดยเตรียมออกแบบเส้นทางที่นำเสนอความงามทางธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวชุมชน ฯลฯ

ร่วมมือกับสายการบินอีว่าแอร์ จับกลุ่มเป้าหมายนักเขียนระดับลักเซอรี่ นำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวระดับลักเซอรี่ และร่วมงาน World Travel Mart 2020 ในเดือนพฤศจิกายน 2565

ขนิษฐา พันธุ์วรวัฒน์ ผอ.ททท. มอสโก รัสเซีย

รัสเซียเป็นตลาดท่องเที่ยวที่มีความสำคัญสำหรับไทยเช่นกัน โดยปี 2562 ที่ผ่านมาไทยมีนักท่องเที่ยวรัสเซียราว 1.5 ล้านคน และเป็นกลุ่มที่เดินทางมาไทยกลุ่มแรก ๆ หลังจากรัฐบาลเปิดประเทศในช่วงปี 2564

“ขนิษฐา พันธุ์วรวัฒน์” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานมอสโก รัสเซีย บอกว่า เดือนมิถุนายน 2565 นักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้าไทยประมาณ 8,000 คน ลดลงจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2565 มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามาเฉลี่ยประมาณ 20,000 คนต่อเดือน

ทั้งนี้ เป็นผลจากที่ไม่มีเที่ยวบินบินตรงระหว่างไทย-รัสเซีย นักท่องเที่ยวต้องใช้บริการต่อเที่ยวบิน (connecting flight) ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าเดิมไม่ต่ำกว่า 4-5 ชั่วโมง ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว อีกทั้งราคาตั๋วโดยสารก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

นอกจากนี้ รัสเซียยังเผชิญกับปัญหาการอ่อนค่าของค่าเงินรูเบิล มาตรการจำกัดการแลกเงินตราต่างประเทศ จำกัดการนำเงินออกไปต่างประเทศ รวมถึงการระงับการใช้บัตรเครติดในต่างประเทศ (บัตรที่ออกโดยธนาคารในรัสเซีย) ทำให้ชาวรัสเซียเลือกเที่ยวในประเทศระยะใกล้ อาทิ ตุรกี, อียิปต์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ฯลฯ และท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งรัสเซียเองก็ได้พยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเช่นกัน

“ททท.ได้พยายามประสานงานหลายภาคส่วนเพื่อผลักดันให้เปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำระหว่างไทยและรัสเซีย หากสำเร็จคาดว่าจะให้บริการได้ในช่วงตุลาคม 2565 นี้”

โศรยา หอมชื่น ผอ.ททท. ปารีส ฝรั่งเศส

แม้ว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่าการเดินทางระหว่างประเทศ โดยแหล่งท่องเที่ยวระยะไกลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ในทวีปอเมริกา

“โศรยา หอมชื่น” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานปารีส ฝรั่งเศส บอกว่า ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2565 และเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้พบว่ายอดสำรองตั๋วโดยสารล่วงหน้าจากสายการบิน และแอร์ฟรานซ์เป็นที่น่าพอใจมาก

ตอนนี้ยอดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าจากฝรั่งเศสเข้าในช่วงไตรมาส 3/2565 ในสัดส่วนประมาณ 49% ของปี 2562 และในไตรมาส 4/2565 มีอัตราการจองล่วงหน้าแล้วประมาณ 54% ของปี 2562 และมีสายการบินเปิดให้บริการแล้วจำนวนหนึ่ง

ส่วนแผนการทำการตลาดนั้น ได้เตรีมสร้างการรับรู้ผ่านสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ถึงเรื่องการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศและข้อมูลความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่าน influencer และสื่อทุกแขนง

รวมถึงเข้าร่วม งานส่งเสริมการขาย เช่น Trade Show จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรสายการบิน บริษัทนำเที่ยว ห้างสรรพสินค้า สปา ฯลฯ และร่วมงานส่งเสริมการขาย Top Resa (IFTM 2022) ในเดือนกันยายน 2565

สุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผอ.ททท. ซิดนีย์ ออสเตรเลีย

นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีจำนวนมากกว่า 20,000 คน เนื่องจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการด้านการควบคุมโรคโควิด-19

“สุลัดดา ศรุติลาวัณย์” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานซิดนีย์ ออสเตรเลีย ให้ข้อมูลว่า ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุว่านักท่องเที่ยวออสเครเลียมีสัดส่วนของเพศชาย 56% และเพศหญิง 44% นักท่องเที่ยวหลักที่ออกเดินทางเป็นกลุ่มที่มีรายได้ตั้งแต่ 20,000-60,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี รองลงมาคือกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเพื่อการพักผ่อนสูงถึง 88% มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยราว 13 วันต่อทริป ใช้จ่ายราว 5,400 บาทต่อวัน นิยมเดินทางในช่วงปิดเทอม หรือในช่วงเดือนมมกราคม, เมษายน, กรกฎาคม, กันยายน, ตุลาคม และธันวาคม

สำหรับตลาดที่จะโฟกัสคือ นักท่องเที่ยวกลุ่ม digital nomad หรือกลุ่มที่ทำงานผ่านระบบออนไลน์จากทั่วโลก นิยมเข้าพักเป็นเวลา 3-6 เดือน โดยประเมินว่าประชากรกลุ่มนี้ในออสเตรเลียมีประมาณ 4.1 ล้านคน


นักท่องเที่ยวกลุ่มกอล์ฟ เป็นตลาดที่มีศักยภาพ มีจำนวนประมาณ 8.78 คน หรือราว 4.2% ของจำนวนประชากร รวมถึงกลุ่มแต่งงาน (wedding) และฮ้นนีมูน เป็นต้น