Meta ปลดพนักงานถึง 11,000 คนทั่วโลก ใหญ่ที่สุดในกลุ่มบริษัทเทค

meta ปลดพนักงาน

Meta ยืนยัน ปลดพนักงานครั้งใหญ่ ถึง 11,000 คน มากที่สุดในบรรดาบริษัทเทคโนโลยีที่ประกาศปลดพนักงาน ปี 2565 ด้านผู้บริหาร ยอมรับ มองการเติบโตในแง่ดีเกินไป จนทำให้ต้องปลดพนักงานออก

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า บริษัท เมตา แพลตฟอร์ม (Meta) บริษัทแม่ของโซเชียลมีเดียชื่อดัง เฟซบุ๊ก (Facebook) ประกาศปลดพนักงาน จำนวน 11,000 คน หรือคิดเป็น 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด เพื่อทำการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่

การปลดพนักงานครั้งใหญ่นี้ นับเป็นการปลดพนักงานที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้ หลังเมตาต้องต่อสู้กับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น และตลาดโฆษณาที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 18 ปีของเมตา นับตั้งแต่ก่อตั้งมา

ขณะที่พนักงานที่ถูกปลด เมตาจะมีการ ชดเชย พนักงาน ทั้งการจ่ายชดเชยพนักงาน 4 เดือน ประกันสุขภาพ ระยะเวลา 6 เดือน และจัดศูนย์ช่วยเหลือ ในการช่วยเหลือด้านการจัดหางานใหม่ให้พนักงานที่ถูกปลดออกในครั้งนี้

ก่อนหน้านี้ Wall Street Journal รายงานว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้บริหารเมตา ยอมรับกับที่ประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัท ว่า ตัวเองขอรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะการมองภาพการเติบโตในแง่ดีเกินไป จนนำไปสู่การจ้างพนักงานมากเกินความจำเป็น และต้องปลดพนักงานออกในครั้งนี้

สำหรับกรณีการปลดพนักงานออกของเมตา เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 พ.ย. 2565) สำนักข่าวต่างประเทศมีการรายงานว่า เมตา เตรียมประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่จำนวนหลายพันคน เพื่อลดต้นทุน ลดการขาดทุน และนำเงินส่วนที่ลดลงได้ไปลงทุนต่อในธุรกิจเมตาเวิร์ส (Metaverse) ซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่ของบริษัท โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2565 เมตา มีพนักงานทั่วโลกประมาณ 87,000 คน

ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 3/2565 ของเมตา รายได้รวมอยู่ที่ 27,714 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 4,395 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยธุรกิจด้านเมตาเวิร์ส ซึ่งเป็นหมุดหมายใหม่ทางธุรกิจของเมตา รายได้ลดลงเหลือ 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขาดทุนถึง 3,672 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากเมตาแล้ว ในปี 2565 มีการประกาศปลดพนักงานในบริษัทด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาเงินเฟ้อ และความต้องการในตลาดที่เริ่มลดลง จนนำไปสู่ผลกระทบด้านรายได้และต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท