“ทาทา” ฟื้นชีพ “แอร์อินเดีย” ดึง “สิงคโปร์แอร์ไลนส์” ร่วมทุน

แอร์อินเดีย

ภายหลังจากความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการสายการบินระดับชาติ “แอร์อินเดีย” กลับสู่อ้อมอกของผู้ก่อตั้งอย่าง “ทาทากรุ๊ป” เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายในมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นธุรกิจที่ประสบภาวะขาดทุนมาเป็นเวลานาน และล่าสุดทาทายังมีแผนควบรวมกิจการ ยกระดับแอร์อินเดียสู่สายการบินชั้นนำระดับโลก

รอยเตอร์รายงานว่า “ทาทากรุ๊ป” กลุ่มธุรกิจรถยนต์-เหล็กกล้ายักษ์ใหญ่ของอินเดีย เปิดเผยถึงแผนการควบรวมกิจการระหว่างสายการบินแอร์อินเดียกับ “วิสทารา” (Vistara) ซึ่งเป็นสายการบินในอินเดีย ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างทาทาฯกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ส (SIA)

การควบรวมมีเป้าหมายดึงวิสทาราเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับแอร์อินเดีย เพื่อก้าวสู่การเป็นสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ และมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยคาดว่ากระบวนการควบรวมจะเสร็จสิ้นภายในเดือน มี.ค. 2024

ทั้งนี้หลังการควบรวมกิจการ จะทำให้ทาทากรุ๊ปถือหุ้นแอร์อินเดียในสัดส่วน 74.9% และอีก 25.1% จะเป็นของสิงคโปร์แอร์ไลนส์ โดยตามข้อตกลงสิงคโปร์แอร์ไลนส์จะเพิ่มทุนอัดฉีดให้กับแอร์อินเดีย 252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และพร้อมใส่เงินเพิ่มทุนได้ถึง 615 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากจำเป็นต่อการเติบโตและการดำเนินการในช่วง 2 ปีข้างหน้านี้

ก่อนหน้านี้ แอร์อินเดียซึ่งก่อตั้งโดย “เจ. อาร์. ดี. ทาทา” อดีตประธานของทาทากรุ๊ปในปี 1932 ในฐานะสายการบินที่มีการตกแต่งอย่างหรูหราและบริการที่โดดเด่น ก่อนที่รัฐบาลอินเดียจะซื้อกิจการในปี 1953 กระทั่งแอร์อินเดียเริ่มประสบปัญหาทางการเงิน พร้อมกับเสียงวิจารณ์เชิงลบจากผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะความล่าช้าในการเดินทางและห้องโดยสารที่ไม่มีคุณภาพ ขณะที่พนักงานและซัพพลายเออร์ก็มักได้รับค่าจ้างไม่ตรงเวลา

หลังจากที่แอร์อินเดียกลับมาอยู่ในมือของผู้ก่อตั้งอีกครั้ง จึงได้มีการเร่งฟื้นฟูกิจการครั้งใหญ่ “นาตาราจัน จันทระเศการัณ” ประธานของทาทากรุ๊ป ระบุว่า “การควบรวมกิจการครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในความพยายามสร้างแอร์อินเดียให้กลายเป็นสายการบินระดับโลก”

ทั้งนี้ การควบรวมกิจการกับวิสทาราจะทำให้แอร์อินเดียมีฝูงบินรวมกันถึง 218 ลำ โดยให้บริการสู่จุดหมายปลายทางภายในประเทศ 52 แห่ง และระหว่างประเทศ 38 แห่ง ซึ่งจะส่งผลให้แอร์อินเดียมีส่วนแบ่งในตลาดการบินภายในประเทศเป็น 24% กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของสายการบิน “อินดิโก” (IndiGo) ที่เวลานี้ครองมาร์เก็ตแชร์ 56% ของตลาดการบินในอินเดีย

ขณะเดียวกัน แอร์อินเดียยังจะขึ้นแท่นเป็นสายการบินระหว่างประเทศใหญ่สุดของอินเดีย และมีศักยภาพในการแข่งขันกับสายการบินจากตะวันออกกลาง ที่เป็นผู้ให้บริการการบินระหว่างประเทศรายใหญ่ในภูมิภาคขณะนี้

ส่วนสิงคโปร์แอร์ไลนส์ก็ได้รับประโยชน์จากการควบรวมกิจการ โดยเฉพาะสิทธิในการเข้าถึงช่องจอดและการจราจรทางอากาศในสนามบินอินเดียและสนามบินนานาชาติที่สำคัญ ส่งผลให้สิงคโปร์แอร์ไลนส์มีฐานที่มั่นคงในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดการบินที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ในอนาคตแอร์อินเดียยังมีแผนขยายฝูงบินเพิ่มอีก 25% ด้วยการเช่าเครื่องบินพาณิชย์ของโบอิ้งและแอร์บัสเพิ่มอีก 30 ลำ และกำลังพิจารณาคำสั่งซื้อเครื่องบินรูปแบบอื่นอีกหลายร้อยลำ ทั้งยังกำลังควบรวมกิจการระหว่างสายการบินราคาประหยัด “แอร์อินเดียเอ็กซ์เพรส” กับ “แอร์เอเชียอินเดีย” ที่ทาทาเข้าซื้อกิจการ