อาลีบาบา ปักหมุดพื้นที่ EEC เปิดเขตการค้าเสรีดิจิทัลแห่งแรกของไทย หวังช่วย SMEs จีน ส่งสินค้าถึงมือคนไทยเร็วขึ้น
วันที่ 16 ธันวาคม 2565 เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ (South China Morning Post) รายงานว่า กลุ่มอาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) เปิดพื้นที่เขตการค้าเสรีดิจิทัล (Digital Free-Trade Zone) แห่งแรกของประเทศไทย ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) หลังจากเริ่มต้นโครงการ Smart Digital Hub มาตั้งแต่ปี 2561 โดยพื้นที่ eWTP ในไทย เริ่มเปิดทดลองใช้งานแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
พื้นที่ของ e-WTP มีขนาดมากถึง 40,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่สำหรับการจัดเก็บสินค้าที่นำเข้าจากจีน โดยพื้นที่ดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการจีน โดยเฉพาะผู้ค้า SMEs สามารถลดข้อจำกัดการส่งสินค้าข้ามพรมแดน โดยใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น จากเดิมที่ต้องใช้เวลาจัดส่งนานถึง 10 วัน
นายซ่ง จวินเทา เลขาธิการทั่วไปของ อาลีบาบา eWTP ระบุว่า การจัดตั้งเขตการค้าเสรีดิจิทัลแห่งแรกของประเทศไทย ถือเป็นการจำลองความสำเร็จของโมเดลนวัตกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนมาไว้ที่ประเทศไทย และช่วยมอบประสบการณ์เชิงปฏิบัติสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของไทยในอนาคต
ทั้งนี้ eWTP เป็นโครงการของอาลีบาบา สมัยที่ แจ็ก หม่า ยังเป็นผู้บริหารของอาลีบาบา เริ่มต้นพูดถึงเป็นครั้งแรกบนเวที Boao Forum for Asia และเริ่มเซ็นสัญญาร่วมโครงการดังกล่าวกับมาเลเซียเป็นประเทศแรก ในปี 2560
ส่วนประเทศไทย ร่วมลงนามสัญญาโครงการดังกล่าวกับอาลีบาบา เมื่อปี 2561 มูลค่าลงทุน 11,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างภายในปี 2561-2562 โดยโครงการดังกล่าวประกอบไปด้วย ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ศูนย์กระจายสินค้า การขนส่งที่จับมือกับทางไปรษณีย์ไทย รวมถึงการลงทุนด้านระบบไอที ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่เปิดให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่สามารถวางระบบได้เข้าไปร่วม
ซึ่ง Smart Digital Hub เป็นโครงการที่จะอาศัยเทคโนโลยีด้านการประมวลข้อมูลโลจิสติกส์ เพื่อทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และไปยังที่อื่นทั่วโลก