วิกฤตข่าวฉาว โกตัม อดานี สะเทือนเศรษฐกิจอินเดียและนายกฯโมดี

ข่าวฉาว โกตัม อดานี
โกตัม อดานี - นเรนทรา โมดี

ข้อกล่าวหาฉ้อโกง ทำให้ โกตัม อดานี ร่วงจากตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 และยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอินเดีย ต่อธนาคารเจ้าหนี้ ต่อเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย และสั่นสะเทือนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี 

ข่าวฉาวกรณีที่ Hindenburg Research เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ว่า อดานี กรุ๊ป (Adani Group) คดโกง ยักย้ายถ่ายเทหุ้น และฉ้อฉลตกแต่งบัญชีมานานกลายปี ทำให้ โกตัม อดานี (Gautam Adani) ผู้ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเอเชีย และอาณาจักรของเขาตกอยู่ในวิกฤต 

แม้ว่าอดานี กรุ๊ป ได้ออกรายงานอธิบายต่อนักลงทุน และเป็นการตอบโต้ข้อกล่าวหาแล้วว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่มีมูลความจริง และยืนยันว่าอดานีปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด แต่ความสูญเสียยังดำเนินต่อเนื่อง 

และความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดวงเป็นความสูญเสียของอดานีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอินเดีย ส่งผลกระทบต่อธนาคารเจ้าหนี้ ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย และส่งผลต่อความมั่นคงในก้าวอี้นายกรัฐมนตรีของนเรนทรา โมดี ด้วย 

 

อดานี กรุ๊ป สูญเสีย 108,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัทในเครืออดานีสูญเสียมูลค่าตลาดไปแล้วรวม 108,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,565,457 ล้านบาท    

ตามรายงานของ Bloomberg แกรี ดูแกน (Gary Dugan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Global CIO Office ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดการสินทรัพย์และที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สิ่งต่าง ๆ ในตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และนักลงทุนต่างชาติอาจจะมีการประเมินความเสี่ยงครั้งใหญ่ในการลงทุนในหุ้นอินเดียอีกครั้ง ซึ่งการประเมินซ้ำอีกครั้งนั้นรวมถึงการประเมินธรรมาภิบาล ความโปร่งใสขององค์กร การเห็นแก่เครือญาติ-พวกพ้อง และการตอบแทนตามระบอบอุปถัมภ์  

Bloomberg รายงานอีกว่า 8 ใน 10 หุ้นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดใน MSCI Asia Pacific Index ณ ขณะนี้เป็นหุ้นของบริษัทในกลุ่มอดานี ขณะที่หุ้นกู้ของดานีที่เสนอขายในตลาดสหรัฐก็ร่วงลงสู่ระดับที่น่าเป็นห่วง 

ข้อกล่าวหาอดานี
INDRANIL MUKHERJEE / AFP

โกตัม อดานี ร่วงบัลลังก์เศรษฐีเบอร์ 1 เอเชียและอินเดีย

ส่วนเจ้าตัว โกตัม อดานี ที่เคยครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเอเชีย ด้วยทรัพย์สิน 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 3 ด้วยมูลค่า 61,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศอินเดีย 

ส่วนอันดับมหาเศรษฐีโลก ก่อนจะเกิดเหตุ อดานีอยู่ในอันดับที่ 3 แต่ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เขาร่วงลงไปต่ำสุดถึงอันดับที่ 22 ก่อนจะขยับกลับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 17 ได้ ในเวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศอินเดีย 

รวมถึงเขาได้เสียตำแหน่งมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศอินเดียคืนให้กับมูเกช อัมบานี (Mukesh Ambani) เจ้าของอาณาจักร Reliance Industries ที่มีสินทรัพย์ 82,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย 

 

ตลาดหุ้นอินเดียระส่ำ นักลงทุนต่างชาติดึงเงินออก

Bloomberg รายงานว่า นักลงทุนสถาบันต่างชาติดึงเงินออกจากตลาดหุ้นอินเดียแล้ว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงระหว่างวันที่ 27 มกราคม ถึง 31 มกราคม 2566 

เจียน ชี คอร์เทซี (Jian Shi Cortesi) ผู้จัดการกองทุนของ GAM Investments ซึ่งดูแลสินทรัพย์มูลค่ามากกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐกล่าวว่า หัวข้อข่าวที่เกี่ยวข้องกับอดานีกำลังสร้างความรู้สึกเชิงลบในระดับสูง ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนสนใจหุ้นอินเดียน้อยลง 

“แม้ว่าเราจะไม่เห็นอดานีฉุดตลาดหุ้นอินเดียทั้งหมด แต่เราคิดว่าเรื่องนี้อาจนำไปสู่การที่ตลาดหุ้นอินเดีย อ่อนแอกว่าตลาดอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น จีน”

หากราคาสินทรัพย์ของอดานียังคงร่วงกราวต่อไป และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่ออดานีถูกสั่นคลอนลงเรื่อย ๆ มันจะไม่ใช่เพียงความสูญเสียของอดานีเท่านั้น แต่จะเป็นความพ่ายแพ้สำหรับแผนการเติบโตของอินเดียในช่วงเวลาที่สำคัญ ซึ่งธุรกิจต่าง ๆ เช่น ธนาคาร HSBC และบริษัท Apple กำลังขยายธุรกิจในอินเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยงออกจากจีน 

“ที่จริงก็คือ เรื่องอื้อฉาวของอดานี ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของอินเดีย เนื่องจากจีนกำลังเปิดประเทศอีกครั้ง … และนักลงทุนต่างชาติกำลังจับตามองอย่างชัดเจน” อลิเซีย การ์เซีย แฮร์เรโร (Alicia Garcia Herrero) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัทจัดการสินทรัพย์และการลงทุน Natixis วิเคราะห์ 

นอกจากนั้น ความวุ่นวายที่อดานีเผชิญกำลังส่งผลกระทบต่อบรรดาธนาคารที่ปล่อยกู้ให้อดานีด้วย หุ้นของธนาคาร State Bank of India ร่วงลง 11% นับจับวันที่ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช เปิดเผยรายงาน 

ข้อกล่าวหาอดานี
Sam PANTHAKY / AFP

เศรษฐกิจอินเดียไม่น่ารอดผลกระทบ

โกตัม อดานี มหาเศรษฐีชาวอินเดียวัย 60 ปี สนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) มานานหลายสิบปี และอดานีได้กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจของเขาให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจของโมดีแบบพึ่งพากันและกัน  

ธุรกิจของเขา ซึ่งเป็นการลงทุนในโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูง เช่น สนามบิน โรงไฟฟ้า และศูนย์ข้อมูล (data center) ถือเป็นหัวใจสำคัญของแผนการเติบโตทางเศรษฐกิจของนายกฯ โมดี  

หลายปีที่ผ่านมาบริษัทของอดานีได้รับงานงานของรัฐและส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่อินเดียต้องการ เช่น โรงไฟฟ้า ท่าเรือและห่วงโซ่การขนส่งถ่านหิน การพัฒนาเครือข่ายถนน และยังเป็นผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่ที่สุดในการเดินเรือทะเลและการขนส่งทางอากาศของอินเดีย โดยควบคุมการขนส่งทางอากาศของอินเดีย 33% ของทั้งหมด 

นอกจากนั้น อดานียังวางแผนจะลงทุน 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี พาอินเดียบรรลุเป้าหมาย Net Zero ด้วย 

 

เก้าอี้นายกฯของนเทนทรา โมดี อาจจะถูกเขย่าเช่นกัน

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียเพิ่งรายงานแผนงบประมาณประจำปี 2566 ที่ค่อนข้างทะเยอทะยาน ตั้งงบประมาณ 45 ล้านล้านรูปี หรือประมาณ 549,140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  

ตอนนี้รัฐบาลกลางอินเดียกำลังเผชิญกับคำถามว่า แผนโครงการโครงสร้างพื้นฐานอาจตกรางไปพร้อมกับกลุ่มอดานี ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่และสำคัญที่สุดหรือไม่ ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลให้นเทนรา โมดี นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เสื่อมคะแนนนิยมลงไป 

การเติบโตทางธุรกิจของโกตัม อดานี นั้นเชื่อมโยงกันกับการเติบโตทางการเมืองของนเรนทรา โมดี อย่างยากที่จะปฏิเสธได้ว่าไม่มีการเกื้อหนุนหรือเอื้อประโยชน์ต่อกัน

ดังที่ มิลาน เวชเนฟ (Milan Vaishnav) ผู้อำนวยการโครงการเอเชียใต้ของ Carnegie Endowment for International Peace กล่าวว่า การเจิดจรัสขึ้นมาของอดานีนั้นเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเส้นทางการเมืองของโมดี และการผสานผลประโยชน์ของอดานี กรุ๊ป กับผลประโยชน์ของชาติอินเดียนั้นเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง

นับตั้งแต่โมดีเข้ามามีอำนาจ อดานีก็เป็นแหล่งเงินทุนของโมดีในการบริหารเพื่อกระตุ้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการผลิตในประเทศ เมื่อตอนนี้อดานีและบริษัทในเครือกำลังถูกตั้งคำถามถึงความสามารถในการส่งมอบโครงการของรัฐตามกำหนด

ความผิดพลาดในตลาดทุนของอดานีกำลังส่งผลกระทบลุกลามสู่การเมือง ซึ่งคู่แข่งของโมดีก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของเขาในตอนนี้ 

ในการรายงานงบประมาณอินเดียต่อรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์​ ฝ่ายค้านต่างตะโกนชื่ออดานีในสภา  และต่อมาในวันพฤหัสบดีฝ่ายนิติบัญญัติก็ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวน อดานี กรุ๊ป ตามข้อกล่าวหาของฮินเดนเบิร์กด้วย 

โมฮัน คุรุสวามี (Mohan Guruswamy) อดีตที่ปรึกษากระทรวงการคลังของอินเดีย แสดงความเห็นว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และประชาชนจะสูญเสียความมั่นใจในตัวนายกฯนเรนทรา โมดี