แผ่นดินไหวตุรกี เสียชีวิต 22,000 การช่วยเหลือซีเรียยากด้วยอุปสรรคทางการเมือง

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 - 16:13 น.

เหตุแผ่นดินไหวในตุรกีและซีเรียพบผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 22,000 ราย ผู้รอดชีวิตจำนวนมากไร้ที่พักพิง และบางส่วนต้องอดอยาก ความช่วยเหลือจากนานาชาติหลั่งไหลไปที่ตุรกีมากกว่า ส่วนการช่วยเหลือซีเรียยังล่าช้า เนื่องจากชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัฐบาลซีเรีย และการเข้าถึงพื้นที่ผ่านชายแดนตุรกีเป็นไปอย่างยากลำบาก

เหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวทางตอนใต้ของประเทศตุรกีและตอนเหนือของประเทศซีเรีย สำนักข่าว Al Jazeera รายงานจำนวนผู้เสียชีวิต อัปเดต ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หรือประมาณ 12.20 น. ตามเวลาตุรกี พบผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 22,000 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิตในประเทศตุรกีประมาณ 18,000 ราย และในซีเรียประมาณ 3,400 ราย

ตัวเลขผู้เสียชีวิตจำนวนนี้ทำให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวที่คร่าชีวิตผู้คนมากเป็นอันดับ 7 ของโลกในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา

การค้นหาผู้ติดอยู่ในซากบ้านเรือนดำเนินไปท่ามกลางความมืดและสภาพอากาศหนาวเหน็บ ซึ่งเป็นอุปสรรคทำให้การค้นหายากลำบาก และอาจเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้ติดอยู่ในซากปรักหักพังเสียชีวิตเร็วขึ้น

ขณะที่ผู้รอดชีวิตจำนวนมากไร้ที่อยู่อาศัย ต้องอยู่ในที่โล่งท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัด และบางส่วนต้องอดอยาก แม้มีการเข้าไปให้ความช่วยเหลือและแจกจ่ายอาหาร แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยได้ทั่วถึง

เฉพาะในประเทศตุรกี เจ้าหน้าที่ทางการตุรกีเปิดเผยว่า มีประชาชนประมาณ 13.5 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้

เมืองอเลปโป ประเทศซีเรีย/ REUTERS/ Firas Makdesi

นานาชาติพยายามระดมความช่วยเหลือเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความช่วยเหลือหลั่งไหลไปที่ตุรกีมากกว่า ส่วนซีเรียซึ่งมีสงครามกลางเมืองยืดเยื้อ รัฐบาลถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก การช่วยเหลือจากชาติตะวันตกและพันธมิตรจึงช้ากว่าค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ ก่อนจะเกิดเหตุแผ่นดินไหว เจ้าหน้าที่ของสหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) ให้ความช่วยเหลือประชาชนในซีเรียที่ได้รับความรุนแรงจากรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าไปผ่านชายแดนตุรกี แต่เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นกับพื้นที่ที่เคยเป็นประตูสู่การช่วยเหลือซีเรีย จึงทำให้การเข้าไปซีเรียทำได้ยากลำบากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม สหรัฐกับอียูยืนยันว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวจะไม่เปลี่ยนจุดยืนที่มีต่อรัฐบาลซีเรีย ยังคงยืนยันจะไม่ให้ความช่วยเหลือชาวซีเรียผ่านรัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนของตนเองเด็ดขาด ความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกจะทำผ่านองค์กรระหว่างประเทศและองค์กรพันธมิตรที่เชื่อถือได้เท่านั้น

หนึ่งในคำอธิบายตอบโต้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐและอียูคือ ไม่แน่ใจว่าการให้ความช่วยเหลือผ่านรัฐบาลซีเรียจะไปถึงประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจริงหรือไม่

ทั้งนี้ หนึ่งในกลุ่มหลักที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษคือ White Helmets หน่วยป้องกันพลเรือนซีเรีย ซึ่งมีรายงานว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรได้มอบเงินช่วยเหลือผ่านกลุ่มนี้ 3 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 123 ล้านบาท

เมืองอาซเมริน (Azmarin) ประเทศซีเรีย/ White Helmets/ Handout via REUTERS

ด้านธนาคารโลก (World Bank) ให้คำมั่นสัญญาว่า จะมอบเงินช่วยเหลือแก่ตุรกี 1,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตามที่สื่อต่างประเทศรายงาน ธนาคารโลกไม่ได้กล่าวถึงซีเรีย

อันโตนิโอ กูเตร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศระดมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เร่งเปิดลงมติเรื่องการเปิดจุดผ่านแดนแห่งใหม่ เพื่อจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้เร็วขึ้น

กูเตร์เรสเปิดเผยความคืบหน้าการช่วยเหลือว่า ขบวนรถให้ความช่วยเหลือชุดแรกของสหประชาชาติเดินทางเข้าไปถึงพื้นที่เกิดเหตุในทางตอนเหนือฝั่งตะวันตกประเทศซีเรียแล้ว โดยเข้าไปผ่านชายแดนตุรกี ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่ความช่วยเหลือจากสหประชาชาติจะสามารถเข้าไปถึงประชาชนในพื้นที่ได้ โดยไม่ต้องผ่านพื้นที่ที่ควบคุมโดยรัฐบาลซีเรีย

เมืองจินดิเรส ประเทศซีเรีย/ REUTERS/ Khalil Ashawi

องค์กร Save the Children จากสหราชอาณาจักรซึ่งมีสำนักงานย่อยในซีเรียให้ข้อมูลว่า เด็กหลายล้านคนในพื้นที่รับผลกระทบในซีเรียต้องการอาหาร ที่พักพิง และเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอย่างเร่งด่วน ซึ่งองค์กรได้ส่งอาหารและเต็นท์ฉุกเฉินเข้าไปในพื้นที่แล้ว แต่ยังขาดแคลนสิ่งจำเป็นอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะอาหาร

Save the Children บอกอีกว่า ขบวนรถให้ความช่วยเหลือชุดแรกของ UN นั้นต้องบรรทุกสิ่งของที่จำเป็นหลายอย่าง ซึ่งมีอาหารเป็นสัดส่วนเล็กน้อยเท่านั้น

ขณะที่ ไกร์ เพเดอร์เซน (Geir Pedersen) ทูตพิเศษของ UN ประจำซีเรีย กล่าวเรียกร้องความช่วยเหลือผ่าน AFP ว่า การตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินรุนแรงในซีเรียไม่ควรกลายเป็นเรื่องการเมือง

อ้างอิง :

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :