เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธ 4 ครั้งใน 8 วัน ขณะเกาหลีใต้-สหรัฐซ้อมรบร่วม

เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธ

การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในวันที่ 27 มีนาคม เป็นการทดสอบอาวุธครั้งที่ 4 ในรอบ 8 วัน ในห้วงเวลาที่กองทัพเกาหลีใต้กับกองทัพสหรัฐกำลังร่วมซ้อมรบอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี 

เช้าวันที่ 27 มีนาคม 2566 เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูก โดยยิงจากจังหวัดฮวังแฮออกไปทางตะวันออก ตกในทะเลห่างจากจุดที่ยิงเป็นระยะทางประมาณ 370 กิโลเมตร ข้อมูลนี้สำนักข่าว Reuters รายงานอ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ Joint Chiefs of Staff ของเกาหลีใต้ และมีข้อมูลเพิ่มเติมจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่า ขีปนาวุธทั้งสองลูกตกลงในทะเลนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Exclusive economic zone : EEZ) ของญี่ปุ่น  

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้เพิ่มความถี่การทดสอบอาวุธมากขึ้น คาดว่าเพื่อเป็นการยั่วยุและตอบโต้การร่วมฝึกซ้อมปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ที่เริ่มจากปฏิบัติการ Freedom Shield 23 ซึ่งเป็นการซ้อมที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา และได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 แต่ยังมีโปรแกรมการฝึกซ้อมอื่น ๆ ต่ออีกหลายรายการ  

การยิงขีปนาวุธในวันที่ 27 มีนาคม นับเป็นการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม และถ้านับย้อนไปถึงวันที่ 20 มีนาคม ก็จะนับเป็นการทดสอบอาวุธครั้งที่ 4 ในรอบ 8 วัน 

โดยในวันที่ 20 มีนาคม 2566 เกาหลีเหนือซ้อมยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูก จากฐานยิงในจังหวัดฮวังแฮใต้ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

วันที่ 22 มีนาคม เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธร่อน 4 ลูกออกไปนอกชายฝั่งทางตะวันออก ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเหนือกล่าวว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกฝนการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี

เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธ
KCNA via REUTERS/ File Photo

ต่อมาวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม เกาหลีเหนือทดสอบโดรนโจมตีใต้น้ำติดหัวรบนิวเคลียร์ และคิม จองอึน (Kim Jong Un) ส่งเมสเสจออกมาถึงฝ่ายตรงข้ามว่า การร่วมซ้อมทางทหารระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐควรหยุดลงได้แล้ว 

รัฐบาลเกาหลีเหนือไม่พอใจการร่วมซ้อมรบของเกาหลีใต้กับสหรัฐมานานแล้ว โดยกล่าวว่าการร่วมซ้อมรอบของสองชาติพันธมิตรเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะรุกรานเกาหลีเหนือ ส่วนฝั่งสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้กล่าวว่า การร่วมซ้อมรบเป็นการป้องกันภัยจากเกาหลีเหนือเอง  

ส่วนการยิงขีปนาวุธในวันที่ 27 มีนาคมนั้นเกิดขึ้น 1 วันก่อนที่เรือบรรทุกเครื่องบินรบ USS Nimitz และกองเรือโจมตีของสหรัฐจะเดินทางมาถึงท่าเรือปูซานของเกาหลีใต้ในวันอังคารที่ 28 มีนาคม และจะร่วมซ้อมรบในวันที่ 3 เมษายนที่จะถึงนี้ ในน่านน้ำสากลใกล้เกาะเชจู 

กองทัพเกาหลีใต้ประณามการยิงขีปนาวุธหลายต่อหลายครั้งของเกาหลีเหนือว่า เป็นการยั่วยุอย่างร้ายแรง ซึ่งละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) และเรียกร้องให้ยุติการยิงทันที

ในแถลงการณ์ของกองทัพเกาหลีใต้บอกว่าจะจับตาดูกิจกรรมของเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด พร้อมกับเตรียมความพร้อมอย่างแข็งขันให้พร้อมที่จะตอบโต้ต่อสิ่งยั่วยุ และบอกว่าจะฝึกซ้อมทางการทหารกับสหหรัฐต่อไปตามแผนที่วางไว้ 

รัฐบาลญี่ปุ่นต่อต้านเกาหลีเหนือว่า การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นการคุกคามความปลอดภัยและสันติภาพของญี่ปุ่น ภูมิภาค และประชาคมระหว่างประเทศ 

ส่วนกองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐ (U.S. Indo-Pacific Command) กล่าวว่า การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือไม่ได้ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อบุคลากรของสหรัฐ หรือพันธมิตรในทันทีทันใด แต่ขีปนาวุธดังกล่าวเน้นย้ำถึงความไม่มั่นคงอันเป็นผลกระทบมาจากโครงการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูงและขีปนาวุธอันไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลเกาหลีเหนือ  

ฮิโรคาสุ มัตสึโนะ (Hirokazu Matsuno) เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกล่าวว่า เกาหลีเหนือมีแนวโน้มที่จะเพิ่มกิจกรรมยั่วยุ รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ 

สอดคล้องกับที่ทางการสหรัฐกับเกาหลีใต้เตือนมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้วว่า เกาหลีเหนืออาจจะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560