ปฏิกิริยา “ร้อนใจ” แบบรัว ๆ ของจีน หลังญี่ปุ่นร่วมสหรัฐ “แบน” ชิปขั้นสูง

จีน ชิป
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ

การปิดล้อมจีนทางเทคโนโลยีซึ่งนำขบวนโดยสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ระดับเข้มข้น หลังจากสหรัฐประสบความสำเร็จในการเกลี้ยกล่อมพันธมิตร ทั้งเนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงให้เข้าร่วมการปิดล้อมนี้

เป้าหมายคือ “ดับฝัน” จีนไม่ให้สามารถเข้าถึง หรือรับเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง ซึ่งสหรัฐอ้างว่าเกรงจีนจะนำไปผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย ซึ่งจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของอเมริกา

การผลิตชิปจำเป็นจะต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการผลิต ซึ่งเนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ ASML ของเนเธอร์แลนด์เป็นบริษัทรายใหญ่ที่สุดแถวหน้าของโลกในด้านเครื่องจักรผลิตชิประดับสูง หากขาดเครื่องนี้เสียแล้วก็ผลิตชิปล้ำยุคไม่ได้

ทั้งเนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นได้ประกาศจำกัดและควบคุมการส่งออกเครื่องจักรดังกล่าวไปแล้ว การจะส่งออกไปต่างประเทศจะต้องผ่านการพิจารณาและอนุญาตเป็นราย ๆ ไป ทั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นข้อปฏิบัติที่ใช้กับหลายประเทศ แต่เป็นที่รับรู้กันว่าเป้าหมายสำคัญอยู่ที่จีน ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จีนจะคัดค้านอย่างหนัก เพราะเห็นว่าจงใจเลือกปฏิบัติ

เฉพาะญี่ปุ่นนั้น ดูเหมือนจีนจะมีปฏิกิริยาถี่เป็นพิเศษ โดยหลังจากญี่ปุ่นประกาศเมื่อปลายเดือนมีนาคมปีนี้ ว่าจะเพิ่มความเข้มงวดการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปขั้นสูง 23 ชนิด ซึ่งจะมีผลในเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ทำให้ในครั้งนั้น “ฉิน กัง” รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้เรียกร้องทันทีไปยัง นายโยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ว่าอย่าร่วมมือกับสหรัฐในเรื่องนี้

ต่อมาในเดือนพฤษภาคม จีนกระทุ้งไปยังญี่ปุ่นถึงสองครั้งภายในสัปดาห์เดียว คราวนี้เป็นเสียงไม่พอใจจาก “หวัง เวิ่นเทา” รัฐมนตรีพาณิชย์ โดยออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม เรียกร้องให้ญี่ปุ่นจะต้อง “หยุด” ควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ไปจีน “ทันที” ไม่เช่นนั้นจีนจะใช้มาตรการต่าง ๆ รักษาผลประโยชน์ตัวเอง

ถัดมาวันที่ 29 พฤษภาคม หวัง เวิ่นเทา กล่าวว่า “จีนไม่พอใจอย่างแรง” ต่อการตัดสินใจของญี่ปุ่นและหวังว่าญี่ปุ่นจะ “ปรับความรับรู้ที่มีต่อจีนให้ถูกต้อง” คำกล่าวนี้ของนายหวังมีขึ้นหลังจากเขาได้หารือกับ นายยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ในงานประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ที่ดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา

ด้านสื่อจีนอย่างไชน่าเดลี่ ได้ออกมาย้ำในประเด็นเดิมที่ว่าการกีดกันจะยิ่งผลักดันให้จีนมุ่งมั่นที่จะผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูงด้วยตัวเอง อีกทั้งประเทศต่าง ๆ ที่ร่วมกีดกันจีนจะได้รับผลกระทบด้านลบอย่างมาก

ไชน่าเดลี่ระบุว่า จีนเป็นตลาดส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ในปีที่แล้วการส่งออกไปจีนแตะ 8.2 แสนล้านเยน หรือประมาณ 5.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเกิน 30% ของการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปทั้งหมดของญี่ปุ่น และยังเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าสหรัฐเกือบเท่าตัว

เดือนตุลาคมปีที่แล้ว สหรัฐได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปและอุปกรณ์ผลิตชิปขั้นสูงไปจีนแบบเบ็ดเสร็จ หลังจากนั้นได้ชักชวนโน้มน้าวให้เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นร่วมมือด้วย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรุนแรงจากจีนมาโดยตลอด ในส่วนของสหรัฐนั้น จีนได้ตอบโต้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ด้วยการแบนไมครอน ผู้ผลิตชิปจากสหรัฐ โดยห้ามขายให้กับบริษัทต่าง ๆ ของจีนที่ทำงานในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ ของจีน โดยอ้างว่าชิปของไมครอนไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เกรงจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของจีน

ชิปเป็นหัวใจสำคัญของจีนในการบรรลุเป้าหมายเพื่อเป็น “มหาอำนาจ” ด้านเทคโนโลยี ปัจจุบันจีนสามารถผลิตชิปได้ด้วยตัวเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นชิประดับล่างและกลาง ซึ่งใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การถูกกีดกันไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีชิปขั้นสูงจะทำให้จีนบรรลุเป้าหมายได้ยากขึ้น หรืออาจใช้เวลานานกว่าที่ตั้งเป้าไว้