
คันทรี่ การ์เดน (Country Garden) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีนที่ถูกจับตามองมาหลายเดือน ว่าจะผิดนัดชำระหนี้ ในที่สุดบริษัทก็ผิดนัดชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ (ดอลลาร์สหรัฐ) ครั้งแรกไปแล้ว จากการที่ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 15.4 ล้านดอลลาร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังได้รับการผ่อนผันจากเจ้าหนี้มาเป็นเวลา 1 เดือน จากกำหนดเดิม วันที่ 17 กันยายน 2023
คันทรี่ การ์เดน ซึ่งเคยเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในแง่ยอดขาย ตอนนี้มีหนี้สินอยู่ประมาณ 186,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.74 ล้านล้านบาท) เป็นหนี้สกุลเงินต่างประเทศมูลค่าเกือบ 11,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 400,000 ล้านบาท)
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา คันทรี่ การ์เดน พยายามดิ้นรนที่จะเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศ โดยขอขยายเวลาชำระหนี้หุ้นกู้ในประเทศ 9 รุ่น รวมมูลค่า 14,700 ล้านหยวน (ประมาณ 73,450 ล้านบาท) เพื่อจะได้มีเงินสำหรับชำระหนี้ต่างประเทศ ซึ่งเจ้าหนี้ในประเทศก็อนุมัติให้ทั้งหมดแล้ว แต่ในที่สุด คันทรี่ การ์เดน ก็ผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศจนได้
การผิดนัดชำระหนี้จำนวน 15.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่มากเมื่อเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดของบริษัท สะท้อนว่า คันทรี่ การ์เดน กำลังอยู่ในภาวะยากลำบากทางการเงินอย่างหนักหนาสาหัสแล้ว ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์จีนยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
แม้ว่าการผิดนัดชำระหนี้ของคันทรี่ การ์เดน จะไม่ใช่ความเคลื่อนไหวที่สร้างเซอร์ไพรส์แก่ตลาด เพราะถูกจับตามองและมีคาดการณ์กันมาระยะหนึ่งแล้วว่า “ไม่น่าจะรอด” อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นความเคลื่อนไหวที่สั่นคลอนเศรษฐกิจและหุ้นจีนอีกครั้ง และจุดกระแสให้โลกหันไปจับตามองวิกฤตอสังหาฯจีนอีกรอบ
หลายเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าทางการจีนพยายามปรับแต่งนโยบาย ผ่อนคลายเงื่อนไขต่าง ๆ ให้คนซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น เพื่อจะแก้วิกฤตอสังหาฯ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์ได้
การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้หดตัว 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ราคาบ้านใหม่ยังคงลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
นอกจากนั้น ปัญหายังวนเหมือนงูกินหาง เมื่อผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะซื้อบ้านก็ระงับการซื้อ เพราะเห็นฐานะการเงินของบริษัทอสังหาฯแล้วกังวลว่า หากซื้อไปแล้วบริษัทผู้พัฒนาอาจจะสร้างบ้านไม่เสร็จ ทำให้สูญเงินเปล่า สำหรับคันทรี่ การ์เดน เองรายงานว่า ยอดขายบ้านในเดือนกันยายนที่ผ่านมาลดลงมากถึง 81% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนอยู่ในวิกฤตมาแล้วเกือบครบ 4 ปี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทอสังหาฯจีนบาดเจ็บล้มตายกันไปแล้วจำนวนมาก
เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา “บลูมเบิร์ก” (Bloomberg) รายงานข้อมูลที่รวบรวมอัพเดตถึงวันที่ 1 กันยายน 2023 ว่า ในบรรดาบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนที่ออกหุ้นกู้ต่างประเทศสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐสูงสุด 50 อันดับแรก มี 34 บริษัท (คิดเป็น 68%) ที่ผิดนัดชำระหนี้ไปแล้ว ซึ่งในตอนนั้น คันทรี่ การ์เดน อยู่ในรายชื่อบริษัทส่วนน้อยที่ยังรอด
นอกจากนั้น เมื่อสิ้นเดือนกันยายน บลูมเบิร์กรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์และนักจัดการเงินลงทุนในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่จำนวน 15 คนว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 9 คน จาก 15 คน (คิดเป็น 60%) มองว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังไม่ถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด วิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะเลวร้ายลงยิ่งกว่านี้อีก และอาจจะผลักดันให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นจีนต่อไปอีก
เมื่อยักษ์ล้ม แน่นอนว่าทำให้มีการจับตามองและคาดการณ์ว่า บริษัทอสังหาฯจีนจะมีการผิดนัดชำระหนี้ตามกันไปอีกจำนวนมาก
ไม่กี่วันก่อนที่คันทรี่ การ์เดน จะผิดนัดชำระหนี้ “รอยเตอร์” (Reuters) รายงานอ้างมุมมองของนักวิเคราะห์สินเชื่อว่า การผิดนัดชำระหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีแนวโน้ม “จะเกิดมากขึ้น” เนื่องจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหาทางการเงินยังคงต้องดิ้นรนกับแนวโน้มยอดขายบ้านที่อ่อนแอ ขณะที่การระดมทุนเพิ่มเติมยังคงมีความท้าทาย
“สำหรับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ผิดนัดชำระหนี้ แนวโน้มก็ยังคงน่ากลัว เนื่องจากเราไม่ได้เห็นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมซึ่งตัวเลขยอดขายยังคงอ่อนแอ” ถิง เหมิง (Ting Meng) นักวิเคราะห์สินเชื่อของออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงก์ ประเทศจีน (ANZ Bank China) กล่าว
ด้าน ริกกี้ จาง (Ricky Tsang) นักวิเคราะห์จาก “เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์” (S&P Global Ratings) กล่าวว่า นอกจากกระแสเงินสดที่อ่อนแอจากยอดขายบ้านที่อ่อนแอแล้ว การระดมทุนของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะภาคเอกชน (บริษัทที่รัฐไม่ได้ถือหุ้น) ก็ยังคงตึงตัว
ข้อมูลตามการคำนวณล่าสุดของบริษัทวิจัย “เครดิตอินไซต์ส” (CreditSights) ระบุว่า ขณะนี้หุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มูลค่ามหาศาลถึง 124,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.51 ล้านล้านบาท) ของภาคอสังหาริมทรัพย์จีน อยู่ในสถานะเสี่ยง “ผิดนัดชำระหนี้” จากที่มีการออกหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทั้งหมดมูลค่า 175,000 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.34 ล้านล้านบาท)
นอกจากนั้น ข้อมูลของ “ดีลโลจิก” (Dealogic) บริษัทให้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและข้อมูลตลาดการเงินจากสหรัฐ เผยว่า มีหุ้นกู้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน มูลค่ารวม 60,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 6 เดือนข้างหน้า (นับจากเดือนตุลาคม) โดยหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศคิดเป็น 1 ใน 3 ของทั้งหมด
ค่อนข้างเห็นชัดเจนว่าหนทางข้างหน้ายังคงมืดมนสำหรับภาคอสังหาฯจีน โดยเฉพาะสำหรับผู้พัฒนาโครงการ
ต้องติดตามว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดที่รัฐบาลกลางจะทุ่มเงิน 1 ล้านล้านหยวนไปกับการซ่อมแซมบูรณะบ้านเมืองและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จะนำผลกระทบเชิงบวกมาสู่ภาคอสังหาริมทรัพย์บ้างหรือไม่ ที่แน่ ๆ บริษัทก่อสร้างและผู้ค้าวัสดุก่อสร้างน่าจะได้รับอานิสงส์ไม่น้อย