จีนโดน Moody’s ปรับแนวโน้มเครดิต (outlook) ลงเป็น “เชิงลบ”

PBOC ธนาคารกลางจีน
PBOC ธนาคารกลางของจีน (ภาพโดย Jason Lee/ REUTERS)

หนี้ท่วม การเพิ่มขาดดุล และวิกฤตอสังหาฯเป็นเหตุ ทำจีนโดน มูดี้ส์ (Moody’s) ปรับแนวโน้มอันดับเครดิต (outlook) เป็น “เชิงลบ” 

วันที่ 5 ธันวาคม 2023 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า มูดี้ส์ (Moody’s) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของโลกปรับแนวโน้มอันดับเครดิต (outlook) ของพันธบัตรรัฐบาลจีนจากระดับมีเสถียรภาพ (Stable outlook) ลงเป็นมุมมองเชิงลบ (Negative outlook) ตอกย้ำความกังวลของทั่วโลกเกี่ยวกับระดับหนี้ของจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก 

ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือ (credit rating) ของพันธบัตรระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ A1 (เทียบเท่า A+ ของ S&P และ Fitch) ซึ่งเป็นอันดับเครดิตที่น่าเชื่อถือระดับปานกลางค่อนไปทางสูง (upper medium grade) 

มูดี้ส์กล่าวว่า การประกาศใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลังของจีนเพื่อสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่น และการที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว กำลังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของจีน 

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนอนุมัติเพิ่มการขาดดุลงบประมาณทั่วไปในปี 2023 เป็น 3.8% ของจีดีพี ซึ่งสูงสูงกว่าขีดจำกัด 3% ที่ยึดถือมายาวนาน และสูงที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ 

การแก้ไขนโยบายดังกล่าวทำให้รัฐบาลกลางของจีนสามารถขายพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมได้อีก 1 ล้านล้านหยวน (140,000 ล้านดอลลาร์) ภายในปีนี้ เพื่อนำเงินไปสนับสนุนการบรรเทาภัยพิบัติและการก่อสร้าง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และรัฐบาลท้องถิ่นก็ออกพันธบัตรรีไฟแนนซ์แบบพิเศษซึ่งมีต้นทุนสูงเพื่อนำเงินไปชำระหนี้คงค้าง 

“เมื่อพิจารณาถึงความท้าทายด้านนโยบายที่เกิดจากหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น รัฐบาลกลางจึงมุ่งเน้นไปที่การป้องกันความไม่มั่นคงทางการเงิน” 

“ถึงกระนั้น การรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินไปพร้อมกับการหลีกเลี่ยงภัยทางศีลธรรม (moral hazard) และค่าใช้จ่ายทางการเงินในการสนับสนุน (ตลาด) นั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก” มูดี้ส์กล่าว 

ฝั่งจีนตอบโต้ออกมาอย่างทันทีทันใดหลังจากมูดี้ส์ประกาศแนวโน้มอันดับเครดิตจีน โดยกระทรวงการคลังของจีนระบุในแถลงการณ์ว่า “ผิดหวัง” กับการตัดสินใจของมูดี้ส์ และบอกว่า เศรษฐกิจของประเทศจีนจะมีความสามารถในการฟื้นตัว (resilient) สูงและมีศักยภาพสูง ส่วนผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างดี

ทั้งนี้ มูดี้ส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงครั้งล่าสุดจาก Aa3 เหลือ A1 เมื่อปี 2017 โดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่หนี้ทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจของจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และผลกระทบที่จะเกิดต่อการคลังของรัฐ ซึ่งนั่นนับเป็นการปรับลดอันดับเครดิตของจีนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1989 ด้วย 

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) กล่าวว่าอาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตของจีนอีกครั้ง  แต่ล่าสุด ฟิทช์ยังคงอันดับเครดิตของจีนไว้ที่ A+ พร้อมกับแนวโน้มมีเสถียรภาพ (stable outlook) 

ส่วนเอสแอนด์พี (S&P Global Ratings) ก็ยังคงอันดับเครดิตของจีนไว้ที่ A+ พร้อมกับคงแนวโน้มมีเสถียรภาพ (stable outlook) ไว้เท่าเดิมนับตั้งแต่การปรับลดอันดับเครดิตครั้งล่าสุดในปี 2017 เช่นกันกับการปรับลดของมูดี้ส์