ยิ่งใกล้ยิ่งไกล ผลสำรวจสถาบันดังชี้ชัด อาเซียนไม่สนใจปัญหาเมียนมาอย่างจริงจัง

เมียนมา
ผู้พลัดถิ่นชาวเมียนมาอพยพมาที่แม่น้ำเมย ชายแดนไทย-เมียนมา/ แฟ้มภาพ 26 มีนาคม 2022 (ภาพโดย Myaelatt Athan / AFP)

มากกว่า 3 ปีที่กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนแล้วตั้งตนเป็น “รัฐบาล” และมากกว่า 3 ปีเช่นกันที่ประชาชนเมียนมาซึ่งประกอบด้วยคนหลากหลายชาติพันธุ์ได้ต่อต้านรัฐบาลทหาร จนนำไปสู่การรวมตัวกันเป็นกลุ่มต่อต้านกลุ่มใหญ่แบบต่างชาติพันธุ์ 

การต่อสู้และความรุนแรงในเมียนมายังไม่มีทีท่าจะจบลงง่าย ๆ เมื่อฝ่ายรัฐบาลทหารยังคงเดินหน้าสู้รบกับกองกำลังฝ่ายต่อต้านและเข่นฆ่าประชาชน ไม่ยอมทำตาม “ฉันทามติ 5 ข้อ” ที่ได้ตกลงกันไว้ในการประชุมผู้นำสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) วาระพิเศษเมื่อเดือนเมษายน 2021 ขณะที่ฝ่ายกองกำลังฝ่ายต่อต้านก็มีแรงผลักดันที่จะต่อสู้อย่างไม่ลดละ โดยเฉพาะเมื่อมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งสามารถคว้าชัยในศึกหนึ่งได้ ก็ยิ่งทำให้กลุ่มต่าง ๆ มีความฮึกเหิมยิ่งขึ้น

ตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมา อาเซียนถูกวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด ว่าควรจะมีบทบาทในการแก้ไขวิกฤตเมียนมามากกว่านี้ แต่อาเซียนก็ไม่ได้ใช้มาตรการกดดันเมียนมาอย่างที่ควร

ล่าสุด มีผลการสำรวจความคิดเห็นโดยสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค (ISEAS-Yusof Ishak) จากสิงคโปร์ เผยให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่า อาเซียนไม่เพียงแต่ไม่อยากยุ่งเรื่องกิจการภายในของเมียนมาเท่านั้น แต่อาเซียน “ไม่สนใจ” และ “ไม่กังวล” กับสถานการณ์ในเมียนมาเท่าที่ควรจะเป็นเลยต่างหาก

การสำรวจที่ว่านี้สอบถามความคิดเห็นผู้คน 1,994 คน ในทั้ง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2024 ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2024 ซึ่ง 33.7% ของผู้ตอบแบบสำรวจมาจากภาคเอกชน 24.5% มาจากภาครัฐ 23.6% มาจากสถาบันการศึกษา องค์กรคลังสมอง สถาบันวิจัย 12.7% มาจากองค์กรพัฒนาเอกชนและสื่อ และอีก 5.6% จากองค์กรระดับภูมิภาคหรือระหว่างประเทศ ซึ่งหมายความว่า ผู้ตอบแบบสอบถามไม่ใช่ประชาชนคนธรรมดา แต่ล้วนเป็นผู้มีบทบาทที่จะผลักดันนโยบายของรัฐได้

ในประเด็นที่เกี่ยวกับความกังวลกับสถานการณ์และปัญหาต่าง ๆ หลายคำถามเผยให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสอบถามชาวอาเซียนกังวลกับสงครามที่อยู่ไกลมากกว่าสงครามในเมียนมา ซึ่งเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงและเป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียน

ADVERTISMENT

การสำรวจ “ข้อกังวล 3 อันดับแรกเกี่ยวกับอาเซียน” พบว่า ความกังวลอันดับแรก (77.0%) ของผู้ตอบแบบสำรวจคือ “ความช้าและไม่มีประสิทธิภาพของอาเซียน” ซึ่งไม่สามารถรับมือกับพัฒนาการทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ไหลไปอย่างรวดเร็ว กล่าวคืออาเซียนล้าหลังโลกนั่นเอง

ข้อกังวลอันดับที่สอง (76.4%) คือ ความกังวลว่าอาเซียนจะกลายเป็นเวทีแห่งการแข่งขันทางอำนาจของชาติมหาอำนาจ และประเทศสมาชิกอาเซียนอาจกลายเป็นตัวแทนของมหาอำนาจหลัก ซึ่งน่าสนใจว่าประเทศที่กังวลในเรื่องนี้มากที่สุดคือเวียดนาม ที่กำลังพยายามอย่างหนักในการบาลานซ์ความสัมพันธ์ระหว่างกับสหรัฐและกับจีน ข้อกังวลอันดับที่สาม (59.9%) เป็นความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ว่า เศรษฐกิจอาเซียนอาจไม่สามารถกลับไปเติบโตได้เท่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19

ADVERTISMENT
พิธีศพผู้เสียชีวิตจากการโจมตีค่ายผู้พลัดถิ่นใกล้กับเมืองไลซา ทางตอนเหนือของเมียนมา เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2023 (ภาพโดย AFP)

ในคำถามที่ว่า เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ใดในปัจจุบันที่เป็นข้อกังวลอันดับต้น ๆ สำหรับรัฐบาลประเทศของคุณ ผู้ตอบแบบสำรวจตอบ “สงครามอิสราเอล-ฮามาส” มากที่สุด (46.5%) อันดับสองคือ ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ (39.9%) อันดับที่สามร่วม (39.4%) คือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และการหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต (Scam) ส่วน “วิกฤตเมียนมา” อยู่ในอันดับที่เจ็ด (26.6%) จากทั้งหมดสิบตัวเลือก

นอกจากนั้น ในประเด็น “มุมมองต่อฉันทามติ 5 ข้อ” ซึ่งมีตัวเลือก 5 ข้อ ผู้ตอบแบบสำรวจมีมุมมอง “เป็นกลางต่อฉันทามติ 5 ข้อ” มากที่สุด (31.1%) รองลงมา (22.4%) มองว่า “ฉันทามติ 5 ข้อใช้ไม่ได้ผลกับรัฐบาลทหารเมียนมา” และอันดับสาม (17.8%) มองว่า ฉันทามติ 5 ข้อมีข้อบกพร่องในการแก้ไขปัญหาอันซับซ้อนในเมียนมาตั้งแต่แรก อันดับที่สี่ (15.8%) มองว่า ฉันทามติ 5 ข้อเหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหา และอันดับสุดท้าย (12.9%) มองว่า ฉันทามติ 5 ข้อทำหน้าที่เปิดโปงความแตกแยกภายในอาเซียน ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามจากไทยตอบข้อนี้มากที่สุด (25.4%) จากมุมมองทั้งหมด

คำถามถึงแนวทางการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเมียนมา ผู้ตอบแบบสำรวจมองแนวทางการเจรจากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักทั้งหมด มากที่สุด (38.6%) รองลงมา (14.9%) มองแนวทางการใช้มาตรการลงโทษรัฐบาลทหารเมียนมามากขึ้น เพิ่มราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการไม่ปฏิบัติตามฉันทามติ

แนวทางที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด (8.3%) คือ การรื้อฟื้นการมีส่วนร่วมของสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมาในการประชุมอาเซียนเพื่อผลักดันการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อต่อไป

และแนวทางที่ปรากฏเสมอในทุกความขัดแย้ง เป็นแนวทางที่ตอบง่ายและทำง่าย คือ ไม่แทรกแซงการเมืองภายในเมียนมา มีผู้ตอบเป็นอันดับที่สี่ (12.7%) จากทั้งหมดหกแนวทาง