
รัฐบาลไทยกำลังพยายามจะนำประเทศไทยเข้าไปเป็นสมาชิก “องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา” (OECD) โดยจะมีการยื่นหนังสือแสดงเจตจํานงสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
การเป็นสมาชิก OECD เป็นเป้าหมายที่ใหญ่และอยู่ไกลสำหรับประเทศที่ยังอยู่ในระดับ “กำลังพัฒนา” อย่างไทย แต่หากรัฐบาลทำสำเร็จ-หากไทยสามารถเข้าเป็นสมาชิกได้ ก็จะเป็นการยกระดับประเทศไทยขึ้นอีกหลายขั้น
ก่อนจะไปติดตามความคืบหน้าในระยะต่อ ๆ ไปว่าประเทศไทยจะได้เข้าเป็นสมาชิก OECD หรือไม่ และจะได้เป็นเมื่อไหร่ “ประชาชาติธุรกิจ” ชวนรู้จักว่า OECD คืออะไร และถ้าเป็นสมาชิก OECD แล้วจะดีอย่างไร ทำไมไทยอยากเข้าไปเป็นสมาชิก
OECD คืออะไร
องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เป็นองค์การระหว่างประเทศชั้นนำของโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1961(พ.ศ. 2504) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันมีสมาชิก 38 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้วในยุโรปและอเมริกาเหนือ
OECD มีบทบาทนําในการกําหนดนโยบายระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การต่อต้านคอร์รัปชั่น ธรรมาภิบาล การศึกษา นวัตกรรม สิ่งแวดล้อม และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และช่วยประเทศสมาชิก จัดทํานโยบายที่เหมาะสมตามวิสัยทัศน์ “นโยบายที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” (Better Policies for Better Lives)
OECD แบ่งการทำงานออกเป็นคณะกรรมการเชิงเทคนิคด้านต่าง ๆ ครอบคลุมมากกว่า 20 สาขาความเชี่ยวชาญ ประเทศสมาชิกจะร่วมกันกำหนดข้อตกลงเรียกว่า “ตราสาร” (Legal Instruments) และเปิดให้ประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสามารถเลือกเข้าเป็นภาคีใดก็ได้
ในช่วง 60 กว่าปีที่ผ่านมา OECD มีส่วนร่วมในการกําหนดมาตรฐานระหว่างประเทศมากกว่า 450 รายการ อาทิ อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการติดสินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย โครงการประเมินสมรรถนะนักเรียนตามมาตรฐานสากล (PISA) และมาตรการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (Global Minimum Tax)
นอกจากนี้ ในแต่ละปี OECD ยังจัดทํารายงานและการวิจัยเชิงวิเคราะห์มากกว่า 500 ฉบับ และนําเสนอข้อมูลมากกว่า 5,000 ล้าน Data Point ให้แก่สมาชิก ประเทศหุ้นส่วน รวมทั้งกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น G7, G20 และ APEC นำไปใช้ประโยชน์
ประเทศไทยกับ OECD
ประเทศไทยและ OECD มีความร่วมมือกันมายาวนานกว่า 43 ปี ปัจจุบันหน่วยงานไทยมีส่วนร่วมในกลไกและโครงการต่าง ๆ ของ OECD รวม 48 โครงการ/กลไก ซึ่งรวมถึงโครงการที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก คือ โครงการ PISA และไทยยังเป็นภาคีตราสารทางกฎหมายของ OECD ทั้งสิ้น 10 ฉบับ
ไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีโครงการความร่วมมือทวิภาคีกับ OECD ในรูปแบบ Country Programme โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดําเนินโครงการระยะที่ 2 (2023-2025) ประกอบด้วยโครงการย่อย 20 โครงการ ครอบคลุมด้านธรรมาภิบาล การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
เป็นสมาชิก OECD ดีอย่างไร ทำไมไทยอยากเป็น
กระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลว่า การเข้าเป็นสมาชิก OECD จะให้ประโยชน์แก่ประเทศไทย 5 ข้อหลัก ดังนี้
1.ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างหลายมิติและมีมาตรฐานเทียบเท่าสากลโดยเฉพาะนโยบายและกฎหมาย ครอบคลุมประเด็นเศรษฐกิจ ธรรมาภิบาล การพัฒนาทุนมนุษย์ และการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
2.สร้างเสริมความสามารถด้านการแข่งขันทางการค้าและการลงทุนของไทย
3.เข้าถึงฐานข้อมูลเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น และได้รับคําปรึกษาและความช่วยเหลือทางวิชาการจาก OECD อย่างใกล้ชิด
4.สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ซึ่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะเติบโตเพิ่มขึ้น 1.6% คิดเป็นมูลค่า 270,000 ล้านบาท และสนับสนุนให้ไทยสามารถพัฒนาจากประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง
5.สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในเวทีโลกและส่งเสริมบทบาทที่เพิ่มขึ้นของไทยในการกําหนดนโยบายระหว่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2024 นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “ประเทศไทยกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD” ว่า OECD ถือเป็นองค์การระหว่างประเทศที่เปรียบเสมือนมาตรฐานขั้นสูงของประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งหากไทยเข้าเป็นสมาชิกได้ ก็จะช่วยพัฒนาและยกระดับมาตรฐานภายในประเทศของไทย ทั้งในด้านระบบเศรษฐกิจ ธรรมาภิบาล การศึกษา สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกกลุ่มให้ดียิ่งขึ้น
เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ตลอดกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD และการเข้าเป็นสมาชิกจะสำเร็จลุล่วงได้นั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนทุกคน