“อียู” ขึ้นแน่กำแพงภาษี EV จีน สงครามราคาในไทยส่อเดือด

EV china

ยุโรปเอาแน่ตามแห่ขึ้นกำแพงภาษีสกัดรถ EV จีน โดยอาจดันสูงถึง 55% จากเดิมตั้งเป้าขึ้น 30% เพราะปีที่แล้วรถจีนกวาดยอดขายสูงถึง 11,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ “ซีไอเอ็มบี ไทย” ห่วงทะลักเข้าอาเซียนและไทย มีสิทธิเกิดสงครามราคาขึ้นมาอีก ด้านดีลเลอร์รถวอนรัฐเข้ามาดูแล

ความคืบหน้าปัญหาเทรดวอร์ หลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากประเทศจีนสูงถึง 100% จากเดิมเก็บที่ 25% ทำให้มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่กำลังพิจารณาอัตราภาษีนำเ้ข้าอีวีจีนอาจปรับขึ้นกำแพงภาษีมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทวิจัย โรเดียม กรุ๊ป คาดการณ์ว่า สหภาพยุโรปจะกำหนดอัตราภาษีอีวีจีน 30% แต่ถ้าเก็บอัตรานี้จะยังไม่สามารถกีดกันรถยนต์จีนได้ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ในจีนมีความได้เปรียบด้านต้นทุนอย่างมาก โรเดียมมองว่า อียูจำเป็นต้องเก็บภาษีในอัตรา 40-55% จึงมากพอจะทำให้อีวีจีนไม่สนใจเข้าไปทำตลาดยุโรป

ภาษีสหรัฐกดดันยุโรปขึ้นตาม

หลังจากที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน จากอัตรา 25% เพิ่มเป็น 100% เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คาดการณ์ว่า จะกดดันให้สหภาพยุโรปต้องขึ้นภาษีอีวีจีนสูงกว่าที่คิดไว้ เนื่องจากจีนจะรุกส่งออกไปยังตลาดนอกสหรัฐมากขึ้น ซึ่งสหภาพยุโรปเป็นตลาดใหญ่ที่อีวีจีนทำผลงานได้ดีอยู่แล้ว จะยิ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญขึ้น

“ยานมี่ ซี่” นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์จากยาเวคัล รีเสิร์ช วิเคราะห์ว่า การขึ้นภาษีของหสรัฐ เพื่อกีดกันจีนให้มีส่วนร่วมน้อยที่สุดในการเปลี่ยนผ่านสีเขียว ทำให้สหภาพยุโรปเป็นตลาดพัฒนาแล้วขนาดใหญ่แห่งเดียวที่จีนเหลืออยู่ ซึ่งจีนต้องพยายามรักษาไว้

เบนเข็มจากยุโรปทะลักอาเซียน

“จอช ลิปสกี” ผู้อำนวยการอาวุโส และ “โซเฟีย บุช” ผู้ช่วยผู้อำนวยการของสถาบันคลังสมอง “แอตแลนติก เคาซิล” ในสหรัฐ วิเคราะห์ว่า การขึ้นภาษีอีวีจีนของสหรัฐมีความหมายว่า จีนอาจเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐ และนั่นอาจสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อพันธมิตรของสหรัฐ โดยเฉพาะสหภาพยุโรป

Advertisment

จากการคาดการณ์แนวโน้มว่าอีวีจีนเข้าตลาดยุโรปได้ยากขึ้น จึงคาดการณ์ต่ออีกว่า จีนอาจเบนเข็มหาตลาดอื่นทดแทน ซึ่งจะทำให้อีวีจีนจะทะลักเข้ามาอาเซียนมากกว่าเดิม เพราะถ้าเทียบผลกระทบทางอ้อมของการขึ้นภาษีอีวีจีนของสหรัฐกับยุโรปที่มีต่ออาเซียน ผลกระทบจากกรณีของยุโรปจะมากกว่า

เนื่องจากสหภาพยุโรป เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยในปี 2023 รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน (ทั้งแบรนด์จีนและแบรนด์ต่างชาติ) ส่งเข้าไปในยุโรปเป็นมูลค่า 11,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครองส่วนแบ่งตลาด 37% ของรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าทั้งหมดในยุโรป และครองส่วนแบ่ง 19% ของตลาดรถยนต์รวมในยุโรป ขณะที่อีวีจากจีนส่งเข้าไปสหรัฐสัดส่วนเพียง 1-2% ของการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ

เตือนรับมืออีวีจีนทะลักไทย

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีความเสี่ยงที่จะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจกระทบภาคการส่งออกของไทยที่อาจหดตัวได้ หากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ดี กรณีที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าอีวีจีนขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 100% อาจทำให้สหภาพยุโรป ซึ่งมีมาตรการสกัดกั้นอีวีจีนอยู่แล้ว อาจปรับขึ้นกำแพงภาษีสูงขึ้นตาม เนื่องจากสหภาพยุโรปถือเป็นตลาดหลักที่อีวีจีนมีการส่งออกไปในหลายประเทศ

“เมื่ออีวีจีนเข้าไปทำตลาดในอียูไม่ได้ คาดค่ายต้องระบายสต๊อกเข้ามาในอาเซียนและประเทศไทย ทำให้มีโอกาสที่อีวีจีนจะเข้ามาถล่มราคาในไทยอีกระลอก อาจเห็นการปรับลดราคาลงอีกคันละ 1-2 แสนบาท เหมือนที่เคยมีการดัมพ์ราคากันมาแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จะกระทบตลาดรถยนต์ทั้งระบบ”

Advertisment

หวั่นสงครามราคาเดือดอีก

แหล่งข่าวดีลเลอร์รถ EV แบรนด์ใหญ่กล่าวกับประชาชาติธุรกิจว่า กรณีอเมริกา-ยุโรป รุมตั้งกำแพงภาษีรถ EV จีน เชื่อว่าอนาคตรถ EV จีนน่าจะทะลักเข้ามายังโซนอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลให้เงินอุดหนุนส่งเสริมการใช้รถ EV สิ่งที่จะเกิดตามมาคงหนีไม่พ้นสงครามราคาและน่าจะรุนแรงมากขึ้น

“หากจำได้ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีรถ EV จีนแบรนด์ดังรายหนึ่งมีปัญหาไม่สามารถส่งจากจีนไปขายในบางประเทศโซนเอเชีย-แปซิฟิก รถลอตนั้นหลุดเข้ามาบ้านเราก็เล่นเอาช่วงนั้นแต่ละแบรนด์ถล่มราคากันอุตลุด และไม่เฉพาะจีนเท่านั้น ยังดึงญี่ปุ่นที่ขายรถกลุ่มไฮบริด, ปลั๊ก-อินไฮบริด เข้าไปร่วมทำสงครามราคาด้วย เพราะทุกคนก็ต้องเอาตัวให้รอด”

แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า ประเด็นนี้อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแล เพราะทุกวันนี้การแข่งขันสำหรับรถ EV ในบ้านเราก็หนักหนาอยู่แล้ว ตอนนี้บ้านเรามีรถจีนเกือบ 10 แบรนด์ ยังไม่รวมที่เตรียมจะเปิดตัวอีก 1-2 แบรนด์ ดังนั้นถ้าปล่อยไปโดยไม่ควบคุมธุรกิจน่าจะมีปัญหา

เทรดวอร์ไม่กระทบฐานผลิตไทย

สำหรับความกังวลถึงผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ต่อฐานการผลิตรถยนต์ในไทย นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ไม่ได้ส่งผลต่อนักลงทุนค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่เข้ามาลงทุนในไทยทั้งแง่บวกและแง่ลบ

จากการประเมินในระยะสั้นช่วงปีนี้ที่ค่ายอีวีจีนมาประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตามเงื่อนไขของมาตรการอีวี 3.0 นั้น แผนตามที่เป็นอยู่คือการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายในประเทศก่อนเริ่มผลิตในปีนี้ โดยจะเป็นรถพวงมาลัยขวาเป็นหลัก ซึ่งโอกาสการส่งออกไปสหรัฐค่อนข้างน้อย เพราะตลาดรถยนต์ที่สหรัฐอเมริกาเป็นพ่วงมาลัยซ้าย ถ้าจะส่งออกไปสหรัฐต้องปรับอะไหล่ให้เหมาะกับตลาดที่จะส่งออก

นอกจากนี้ ไทยยังไม่มี FTA กับสหรัฐ ทำให้การส่งออกโดนภาษีอยู่ ในขั้นต้นจึงคิดว่า ต้องศึกษาก่อนเพื่อความชัดเจนและปัจจุบันมองว่า ไทยยังไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งแง่บวกและแง่ลบจากสงครามการค้าระหว่างทั้งสองประเทศมหาอำนาจนี้

ยังไม่มั่นใจย้ายฐานมาไทย

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอดูรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้งว่าจะกระทบส่วนไหนบ้าง แต่กรณีค่ายรถจากจีนจะย้ายฐานผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐ มาไว้ที่ไทยนั้น อาจต้องพิจารณาว่าคุ้มค่าด้วยหรือไม่ เพราะสหรัฐใช้รถยนต์พวงมาลัยซ้ายเป็นหลัก ขณะที่รถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นรถยนต์พวงมาลัยขวา

เช่นเดียวกับ นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า MG เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยนั้น เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่จะใช้เป็นฐานผลิตรถ EV และ XEV พวงมาลัยขวา เพื่อรองรับการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนและประเทศที่ใช้พวงมาลัยขวาเป็นหลักเท่านั้น