ภาษีอีวีจีน 100% ของสหรัฐ กดดันยุโรปตั้งกำแพงสูงกว่าคาด จับตาจะเคาะอัตราเท่าไหร่

สหภาพยุโรป ภาษีอีวีจีน

รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จีนเจอมรสุมหนัก ไม่ใช่แค่โดนสหรัฐขึ้นภาษีจากอัตรา 25% เป็น 100% แต่ขณะนี้กำลังโดนสหภาพยุโรป (อียู) เตรียมขึ้นภาษีอีวีจีนที่ส่งเข้าไปดัมพ์ตลาดยุโรปเช่นกัน 

เมื่อเดือนกันยายน 2023 คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ประกาศตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่ารถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของจีนที่ไหลบ่าเข้าไปยังตลาดยุโรปนั้นได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน เพื่อให้ขายได้ในราคาถูกเกินความเป็นจริง สร้างความไม่ยุติธรรมกับคู่แข่งหรือไม่ พร้อมประกาศจะตั้งกำแพงภาษีเพื่อกีดกันรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนและปกป้องบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป 

ต่อมาในเดือนตุลาคม 2023 กระบวนการสอบสวนและการพิจารณาอัตราภาษีเริ่มขึ้น ซึ่งจะครบกำหนดการพิจารณาเคาะอัตราภาษีในวันที่ 4 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2024 บริษัทวิจัย โรเดียม กรุ๊ป (Rhodium Group) เผยแพร่รายงานคาดการณ์ว่า สหภาพยุโรปจะกำหนดอัตราภาษีอีวีจีน 30% แต่โรเดียมมองว่า ถ้าเก็บอัตรานี้จะยังไม่สามารถกีดกันรถยนต์จีนได้ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ในจีนมีความได้เปรียบด้านต้นทุนอย่างมาก แม้ว่าอีวีจีนจะโดนเก็บภาษีมากขึ้นแล้วก็ยังสามารถเข้าไปทำกำไรในตลาดยุโรปได้ 

ตามการคำนวณของโรเดียม ถ้าสหภาพยุโรปเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 30% ก็จะยังคงทำให้บริษัทรถยนต์จีนมีกำไรจากการขายรถยนต์ในยุโรปมากกว่ากำไรจากการขายในประเทศจีนอยู่ประมาณ 15% ซึ่งหมายความว่าการส่งออกไปยุโรปยังคงน่าดึงดูดใจสำหรับบริษัทรถยนต์จีน 

Advertisment

ดังนั้น โรเดียมจึงมองว่า อียูต้องเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 40-55% จึงจะมากพอที่จะทำให้ผู้ผลิตอีวีในจีนไม่สนใจที่จะเข้าไปทำตลาดยุโรป 

แต่หลังจากที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน จากอัตรา 25% เพิ่มเป็น 100% เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเป็น 4 เท่าของอัตราเดิมจะกดดันให้สหภาพยุโรปต้องขึ้นภาษีสูงกว่าที่คิดไว้ เพื่อป้องกันการทะลักของรถยนต์ไฟฟ้าจีน เนื่องจากจีนจะรุกส่งออกไปยังตลาดนอกสหรัฐอเมริกามากขึ้น ซึ่งสหภาพยุโรปที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่อีวีจีนทำผลงานได้ดีอยู่แล้วจะยิ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญขึ้น  

ยานมี่ ซี่ (Yanmei Xie) นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์จากยาเวคัล รีเสิร์ช (Gavekal Research) วิเคราะห์ว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐเพื่อกีดกันจีนให้มีส่วนร่วมน้อยที่สุดในการเปลี่ยนผ่านสีเขียว (Green Transition) ทำให้สหภาพยุโรปกลายเป็นตลาดพัฒนาแล้วขนาดใหญ่แห่งเดียวที่จีนเหลืออยู่ ซึ่งจีนจะพยายามรักษาไว้ 

อลิเซีย การ์เซีย-เฮอร์เรโร (Alicia García-Herrero) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของธนาคารเพื่อการลงทุน “นาทิซิส” (Natixis) ของฝรั่งเศสวิเคราะห์ว่า สหภาพยุโรปไม่สามารถอยู่เฉยได้ เนื่องจากสหภาพยุโรปจะเป็นตลาดเป้าหมายหลักของรถยนต์ไฟฟ้าและสินค้าเศรษฐกิจสีเขียวของจีน  

Advertisment

“จอช ลิปสกี” (Josh Lipsky) ผู้อำนวยการอาวุโส และ “โซเฟีย บุช” (Sophia Busch) ผู้ช่วยผู้อำนวยการของสถาบันคลังสมอง “แอตแลนติก เคาน์ซิล” (Atlantic Council) ในสหรัฐ วิเคราะห์ว่า การขึ้นภาษีอีวีจีนของสหรัฐมีความหมายว่าจีนอาจเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐ และนั่นอาจสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อพันธมิตรของสหรัฐ โดยเฉพาะสหภาพยุโรป