อิสราเอล Pre-Emptive Strikes นำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ ? เมื่อบุชเคยใช้กับอิรัก

ภาพแสดงชอตรวม จังหวะที่ยานยูเอวี (UAVs) หรือโดรนของเฮซบอลเลาะห์ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลสกัดเหนือน่านฟ้าทางเหนืออิสราเอล เมื่อ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา (เอเอฟพี)

กองทัพอิสราเอลประกาศเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม ได้ชิงลงมือโจมตีก่อน หรือ Pre-Emptive Strikes ฐานจรวดของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ ทางใต้ของเลบานอน เนื่องจากมีข่าวกรองทราบแน่ชัดว่ากลุ่มเฮซบอลเลาะห์ที่อิหร่านหนุนหลังกำลังเตรียมการโจมตีกรุงเทลอาวีฟครั้งใหญ่ เพื่อแก้แค้นที่อิสราเอลสังหารนายฟูอิด ชูคร์ (Fuad Shukr) ผู้บัญชาการอาวุโสเฮซบอลเลาะห์ ที่กรุงเบรุต เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา ด้านเฮซบอลเลาะห์ระบุว่ายิงจรวดกว่า 320 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อช่วงกลางคืนของวันเดียวกัน พุ่งเป้าสถานที่ทางทหารหลายแห่งของอิสราเอล

ทั้งนี้ สองฝ่ายยืนยันว่าจะไม่ทำสงครามแบบเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ทั้งนายฮัซซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำเฮซบอลเลาะห์ และนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับสงครามเต็มรูปแบบไว้แล้ว

ชิงโจมตีก่อน

จังหวะโดรนเฮซบอลเลาะห์ถูกอิสราเอลสกัด เหนือน่านฟ้าทางเหนือของอิสราเอล เมื่อ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา (เอเอฟพี)

บีบีซี (BBC) กำหนดนิยามว่า Pre-Emptive Strikes คือการโจมตีเชิงป้องกัน คือการดำเนินการทางทหารของประเทศหนึ่ง เพื่อโต้ตอบต่อภัยคุกคามจากประเทศอื่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อหยุดยั้งประเทศที่คุกคามไม่ให้ดำเนินการตามภัยคุกคาม

เชื่อว่านักศึกษาหรือผู้ที่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (IR) รู้จักลัทธิชิงโจมตีก่อนอย่างแน่นอน (Doctrine of Pre-Emptive Strike) โดยเฉพาะในช่วงสงครามอิรัก รัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ใช้การโจมตีอิรักก่อน อ้างเพื่อป้องกันตัวเอง สร้างความชอบธรรมในการโจมตีอิรัก ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ หลังเชื่อว่าอิรักมีอาวุธทำลายล้างร้ายแรง หรือ Weapon of Mass Destruction (WMD) การโจมตีดังกล่าว เป็นการยืนกรานว่าสหรัฐมีสิทธิที่จะดำเนินการทางทหารฝ่ายเดียวต่อรัฐนอกกฎหมายและองค์กรก่อการร้าย เพื่อป้องกันหรือบรรเทาการโจมตีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นโดยประเทศหรือองค์กรดังกล่าวต่อสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การกระทำของรัฐบาลสหรัฐถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่าไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายจารีตประเพณี และมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นัยของหลักการชิงโจมตีก่อนดังกล่าวมีความร้ายแรง เนื่องจากอาจส่งเสริมให้รัฐอื่น ๆ เช่น อินเดียดำเนินการฝ่ายเดียวต่อศัตรูของตน การที่สหประชาชาติไม่สามารถป้องกันการรุกรานอิรักของสหรัฐ ได้ทำให้เกิดการเสนอแนะว่าสหประชาชาติไม่จำเป็นในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งผู้วางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐและอินเดียมองว่าเป็นการพัฒนาที่ดี

เอเอฟพี (AFP) รายงานว่า ผู้นำเฮซบอลเลาะห์ระบุว่าการยิงจรวดใส่อิสราเอลกว่า 300 ลูกดังกล่าวเป็นการโจมตีแก้แค้นในเฟสแรกและเสร็จสิ้นลงด้วยความสำเร็จ ด้าน พ.อ.นาดัฟ โชชานี โฆษกกองทัพอิสราเอลกล่าวว่า เฮซบอลเลาะห์กำลังวางแผน “โจมตีเป็นวงกว้าง” ต่อเป้าหมายทั้งในภาคเหนือและภาคกลางของอิสราเอล แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยอิสราเอลใช้จรวดราว 100 ลำรับมือการโจมตีครั้งนี้

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ การยิงจรวดใส่กันระหว่างอิสราเอลกับเฮซบอลเลาะห์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่การปะทะระหว่างอิสราเอลและเลบานอนในปี 2006 หลังสถานการณ์ความตึงเครียดมาหลายเดือน เฮซบอลเลาะห์มีคลังอาวุธที่แข็งแกร่ง และกำลังโจมตีอิสราเอลพร้อม ๆ กับฮามาสในกาซา

สำหรับความเคลื่อนไหวการเจรจาต่อรองข้อตกลงหยุดยิงในกาซา รายงานระบุว่าการเจรจากำลังจะเริ่มอีกครั้งในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ซึ่งคาดว่าผู้แทนทั้งสอง ฮามาสและอิสราเอลจะเข้าร่วมเจรจาด้วย แต่ข้อเสนอหยุดยิงยังคงมีจุดติดขัดระหว่างสองฝ่าย ข้อติดขัดของฮามาสระบุว่า ข้อเสนอหยุดยิงไม่ได้รวมถึงการหยุดยิงถาวร และกำหนดเงื่อนไขใหม่ในการแลกเปลี่ยนนักโทษ รวมถึงปัญหาอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน  อิสราเอลได้ชี้ให้เห็นชัดว่าหลังจากช่วงหกสัปดาห์แรก การสู้รบอาจยุติลง และยังไม่พร้อมที่จะตกลงหยุดยิงถาวร

ADVERTISMENT

UN กังวลปะทะตามแนวเส้นสีน้ำเงิน

ตามที่สื่อท้องถิ่นเลบานอนรายงานก่อนหน้านี้ อิสราเอลโจมตีทางอากาศต่อเนื่องหลายครั้งในวันอาทิตย์ (25 สิงหาคม 2024) ในหมู่บ้านรอบเมืองมาร์จายูน ทางตอนใต้ของเลบานอน อิสราเอลยืนยันว่าได้โจมตีเพิ่มเติมแล้ว โดยระบุว่าได้โจมตีกลุ่มก่อการร้ายและส่งเครื่องยิงจรวดทั่วเลบานอนตอนใต้ ด้านหน่วยงานของสหประชาชาติ 2 แห่งในเลบานอนตอนใต้ คือกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเลบานอน หรือ UNIFIL และสำนักงานผู้ประสานงานพิเศษในเลบานอนของสหประชาชาติ หรือ UNSCOL ออกแถลงการณ์ว่า “เนื่องจากสถานการณ์ที่น่าวิตกกังวลที่เกิดขึ้นตลอดแนวบลูไลน์ หรือเส้นสีน้ำเงิน ตั้งแต่เช้าตรู่นั้น UNSCOL และ UNIFIL จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิงและหลีกเลี่ยงการกระทำที่ลุกลามมากขึ้น” ทั้งนี้ “บลูไลน์” คือเส้นแบ่งเขตที่สหประชาชาติกำหนดขึ้นในปี 2000 หลังจากที่อิสราเอลถอนทหารออกจากเลบานอนตอนใต้

ทางการกรุงเทลอาวีฟสั่งปิดชายหาดและสถานที่ทางวัฒนธรรมหลังจากเหตุยิงจรวดใส่กันทั้งสองฝ่าย โดยได้ออกคำสั่งห้ามทำกิจกรรมผ่อนคลายรวมหมู่คณะ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ หลังการสู้รบส่งผลให้มีเที่ยวบินล่าช้าเป็นเวลานาน รวมถึงการยกเลิกเที่ยวบินที่สนามบินนานาชาติเบน กูเรียน ในกรุงเทลอาวีฟ

ประเมินศักยภาพอาวุธสองฝ่าย

วีโอเอ (VOA) และซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานว่า เชื่อกันว่าเฮซบอลเลาะห์ซึ่งต่อสู้กับอิสราเอลจนเกือบแพ้สงครามเมื่อฤดูร้อนปี 2006 มีพลังอำนาจมากกว่าในสงครามครั้งนั้นมาก สหรัฐและอิสราเอลประเมินว่ากลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้มีจรวดราว 150,000 ลูก และสามารถโจมตีได้ทุกจุดภายในอิสราเอล นอกจากนี้ กลุ่มเฮซบอลเลาะห์ยังได้พัฒนาโดรนที่สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันของอิสราเอลได้ รวมถึงอาวุธนำวิถีแม่นยำอีกด้วย

อิสราเอลมีกองทัพที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และระบบป้องกันขีปนาวุธหลายชั้น หลายเลเยอร์ที่ครอบคลุม และได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐ ซึ่งช่วยให้อิสราเอลยิงขีปนาวุธและโดรนหลายร้อยลูกที่ยิงมาจากอิหร่านได้เมื่อต้นปีนี้ และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เคลื่อนเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์นและอื่น ๆ มาช่วยเสริมแสนยานุภาพอิสราเอล

อิสราเอลให้คำมั่นว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงในกรณีที่เกิดสงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งน่าจะทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของพลเรือน โดยเฉพาะในกรุงเบรุตตอนใต้และเลบานอนตอนใต้ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักของเฮซบอลเลาะห์ สงครามครั้งนี้จะทำให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องไร้ที่อยู่อาศัยหลายแสนคน

เฮซบอลเลาะห์เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอิหร่าน ซึ่งขู่จะตอบโต้การสังหารอิสมาอิล ฮานีเยห์ ผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาส ในเหตุระเบิดที่กรุงเตหะรานเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งหลายฝ่ายโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล แต่อิสราเอลก็ไม่ได้ระบุว่าอิสราเอลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

เตือนคนไทยทำตามมาตรการความปลอดภัย

กระทรวงการต่างประเทศของไทยแจ้งว่า อิสราเอลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 48 ชม. โดยได้ออกข้อปฏิบัติด้านความปลอดภัยตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. เวลา 06.30 น. ถึงวันที่ 26 ส.ค. 2024 เวลา 18.00 น. โดยในพื้นที่ทางเหนือติดหรือใกล้ชายแดนเลบานอน ห้ามชุมนุมหรือรวมตัวมากกว่า 30 คน ในพื้นที่ภายนอกอาคาร หรือมากกว่า 300 คน กรณีในอาคาร และห้ามทำงานในสถานที่ที่ไม่มีห้องนิรภัยที่อยู่ในระยะใกล้พอที่จะสามารถไปถึงได้ทันเวลา ส่วนในพื้นที่ติดฉนวนกาซา ห้ามชุมนุมหรือรวมตัวมากกว่า 1,000 คน

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน (Ben Gurion) ปิดบริการชั่วคราวจนถึงเวลา 10.00 น. และเปิดทำการแล้ว

สถานทูตออกประกาศเตือนคนไทยตามข้อปฏิบัติตัวของทางการอิสราเอลข้างต้นแล้ว รวมทั้งขอให้ติดตามและปฏิบัติตามข้อแนะนำของทางการท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด โดยกระทรวงการต่างประเทศจะติดตามพัฒนาการของสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป