ฝันร้ายขาช็อป ญี่ปุ่นเล็งเลิก “ดิวตี้ฟรี”

ฝันร้ายขาช็อป ญี่ปุ่นเล็งเลิก “ดิวตี้ฟรี” เพิ่มภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติ หาเงินเข้าคลังเอาตัวรอด หวังไม่กระทบพลเมืองในประเทศ 

นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเพิ่มภาระภาษีให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในหนทางต่าง ๆ ได้แก่ ยกเลิกร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) และเพิ่มภาษีผู้โดยสารขาออก (Departure Levy) ท่ามกลางความพยายามของสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นในการหาหนทางเติมเงินเข้าคลัง โดยไม่สร้างความขุ่นเคืองให้กับบรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านกำลังแข่งกันหาเสียงด้วยมาตรการลดภาระให้กับครัวเรือน เนื่องจากกำลังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในเดือนกรกฎาคมนี้ พรรคการเมืองต่าง ๆ พยายามเลี่ยงนโยบายที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับพลเมืองผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จึงหันไปเลือกเพิ่มภาษีกับนักท่องเที่ยวต่างชาติแทน เพราะมองว่าจะได้รับแรงต้านน้อยที่สุด

เล็งเพิ่มภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ยูมิ โยชิคาวะ (Yuumi Yoshikawa) สส.จากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลกล่าวในที่ประชุมงบประมาณวุฒิสภาว่า ควรจะเก็บภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ให้เท่าเทียมกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) ส่งสัญญาณว่าจะนำแนวคิดดังกล่าวไปพิจารณา

ญี่ปุ่นเริ่มเก็บภาษีผู้โดยสารขาออกเมื่อปี 2019 เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนสำหรับการขยายและต่อเติมโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว 1,000 เยนต่อคน (ราว 225 บาท) ขณะที่สหรัฐเรียกเก็บ 22.20 ดอลลาร์ (ราว 725 บาท) อียิปต์เก็บ 25 ดอลลาร์ (ราว 820 บาท) ส่วนออสเตรเลีย (ราว 1,470 บาท)

กระทรวงคลังญี่ปุ่นประกาศในวันที่ 2 มิถุนายน 2025 ว่ารายได้ภาษีปีงบประมาณ 2024 มากสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 48,100 ล้านเยน (ราว 10,860 ล้านบาท) แม้ว่ายังเหลือให้จัดทำรายการอีกหนึ่งเดือน

สมาชิกอาวุโสจากพรรค LDP กล่าวว่า เหมาะสมแล้วที่จะเรียกเก็บภาษีกับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพราะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะของญี่ปุ่นอย่างมาก

ADVERTISMENT

ปัจจุบัน ภาษีผู้โดยสารขาออกถูกเก็บรวมอยู่ในราคาตั๋วเครื่องบิน ทำให้พลเมืองญี่ปุ่นถูกเก็บภาษีส่วนนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากภาษีถูกเพิ่มเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ

เล็งเลิก Duty Free ปรับ Tax Refund

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนออื่น ๆ อีก เช่น ปรับปรุงหรือยกเลิกข้อยกเว้นการเรียกเก็บภาษีบริโภค (Consumption Tax) ไม่ให้ชาวต่างชาติซื้อสินค้าดิวตี้ฟรีได้อีกต่อไป

ทาโร่ อาโซ (Taro Aso) อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และที่ปรึกษาอาวุโสของพรรค LDP รวบรวมข้อเสนอ ให้เลิกร้านค้าปลอดภาษีไว้ในปลายเดือนพฤษภาคม

ข้อเสนอดังกล่าวระบุไว้ว่า “การปล่อยให้ชาวต่างชาติแห่ซื้อข้าวของเครื่องใช้ในบ้านและยา ไม่ใช่เป้าหมายที่ญี่ปุ่นมุ่งหมายไว้ เพราะการซื้อสินค้าเหล่านั้น ไม่ได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือเพิ่มโอกาสในการจ้างงานเลย”

การจับจ่ายซื้อของจำนวนมากโดยชาวต่างชาติมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งด้วยจุดประสงค์เพื่อการขายต่อ และการซื้อมักจะกระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองใหญ่

รัฐบาลจึงเสนอมาตรการป้องกันกิจกรรมดังกล่าวด้วยการเปลี่ยนจากระบบ Tax Free (หักภาษีออกจากราคา ณ จุดขาย หรือคืนเงิน) ไปใช้ระบบ Tax Refund (คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม) แทนในเดือนพฤศจิกายน 2026 นี้ แต่ก็ถูกค้านว่าอาจไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้การฉ้อโกงทำได้ซับซ้อนมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นระบบที่หลาย ๆ ประเทศในยุโรปใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

แนวโน้มเหมือนทั่วโลก

ญี่ปุ่นตั้งเป้ามียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 60 ล้านคนในปี 2030 ซึ่งมากกว่าปี 2024 ถึง 70% และภาษีที่สูงขึ้นอาจเป็นตัวขัดขวางเป้าหมายดังกล่าว ทำให้ยอดการใช้จ่ายต่อนักท่องเที่ยวลดลง จนส่งผลเสียต่อยอดค้าปลีกและภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ

สมาชิกอาวุโสจากพรรค LDP คนหนึ่งกล่าวว่า ผู้คนอาจตื่นตระหนกเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยลง ขณะที่ญี่ปุ่นพึ่งเปลี่ยนระบบดิวตี้ฟรีใหม่ไปไม่นาน จะให้เปลี่ยนอีกเร็ว ๆ นี้คงยาก

อังกฤษได้ยกเลิกการเว้นภาษีให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ในตอนที่ออกจากสหภาพยุโรปในปี 2020 ผลปรากฏว่า ร้านค้าแบรนด์หรูมียอดขายตกลงอย่างเห็นได้ชัด

ในเทศบาลส่วนอื่น ๆ ของญี่ปุ่นได้จัดระเบียบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องใช้จ่ายมากขึ้นแล้วเช่นกัน เช่น โอซากาที่ปรับขึ้นภาษีการพักแรม หรือ Accommodation Tax อีก 200 เยน (ราว 45 บาท) และขยายความครอบคลุมไปยังที่พักราคาถูกลงกว่าเดิม จาก 7,000 เยน (ราว 1,500 บาท) เหลือ 5,000 เยน (ราว 1,100 บาท) ส่วนโตเกียวปรับเพิ่ม 200-10,000 เยน (ราว 2,200 บาท)

เช่นเดียวกับเมืองต่าง ๆ ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก เวนิสเริ่มเก็บภาษีไปเช้าเย็นกลับ 5 ยูโร (ราว 186 บาท) ในปี 2024 ส่วนบาหลีเก็บภาษีนักท่องเที่ยว 150,000 รูเปียห์ (ราว 290 บาท) ตลอดจน รัฐฮาวายที่จัดเก็บภาษีการเช่าระยะสั้นเพิ่มขึ้นเป็น 11%