อาลีบาบาทุ่มเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลล์ ดึงนักวิทย์จากทั่วโลก พัฒนาปัญญาประดิษฐ์

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด กลายเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลกแม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ โดยอาลีบาบาถือเป็นร้านค้าปลีกของจีนที่เหนือกว่าตลาดของอเมซอน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หุ้นของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในสหรัฐยังคงมีแนวโน้มชะลอตัว หลังผลประกอบการในไตรมาสที่สอง ผิดพลาดจากการคาดการณ์ และผู้ค้ายังคาดการณ์ผลการขาดทุนในไตรมาสสาม ทำให้ในปีนี้อาลีบาบามีสต็อกเพิ่มขึ้นกว่า 109 เปอร์เซ็นต์ ถือได้ว่าสูงสุดสำหรับ 9 เดือนครึ่งแรกของปี หลังจากเคยมีการเสนอขายหุ้นของบริษัทในปี 2014

ในรายงานยังระบุเพิ่มเติมว่า บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ทุ่มเงินกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้น ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี ผลักดันธุรกิจ และสำรวจโครงการต่างๆ ซึ่งอาจทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ เปลี่ยนเเปลงไปได้

สอดคล้องกับการผลักดันให้จีนกลายเป็นประเทศผู้นำระดับโลกทางด้านปัญญาประดิษฐ์

โดยอาลีบาบา วางแผนที่จะตั้งห้องทดลองวิจัยจำนวน 7 ห้องและจ้างนักวิทยาศาสตร์ 100 คนจากทั่วโลก เพื่อศึกษาลงลึกถึงปัญญาประดิษฐ์ อินเทอร์เน็ต สิ่งของและคอมพิวเตอร์ โดยบริษัทได้เเถลงการณ์ผ่านอีเมล์ว่า จะมีการเน้นศึกษาในบางเรื่อง เช่น การเรียนรู้ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ และการรักษาความปลอดภัยในเครือข่าย

“อาลีบาบามีวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์อยู่แล้วประมาณ 25,000 คนและใช้งบประมาณศึกษาวิจัยประมาณ 20 พันล้านหยวน (3 พันล้านดอลลาร์) ต่อปี” บริษัทกล่าวในเเถลงการณ์

เจฟฟ์ เจียง เจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีระดับสูงของอาลีบาบา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ห้องปฏิบัติการดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาลีบาบากำลังเผชิญอยู่ในสายธุรกิจ นอกจากนี้ยังส่งผลให้อาลีบาบาขึ้นเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีอีกด้วย

โดยสถานศึกษาวิจัยของอาลีบาบาถูกเรียกว่า ดามาโอะ (DAMO) เเละจะจัดตั้งห้องทดลองดังกล่าว ทั่วประเทศจีน รวมทั้งสหรัฐฯ รัสเซีย อิสราเอล และสิงคโปร์ เเละร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ