เครื่องบินตกในอินโดนีเซีย พยานเล่าเหมือนฟ้าแล่บ ก่อนระเบิด

REUTERS/Willy Kurniawan

เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737 ที่มีผู้อยู่บนเครื่อง 62 คน คาดว่าตกลงในทะเล หลังจากบินขึ้นจากกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียได้เพียงไม่นาน

วันที่ 10 มกราคม 2564 บีบีซี รายงานว่า เครื่องบินของสายการบินศรีวิจายาได้หายไปจากเรดาร์เป็นเวลานาน 4 นาที ระหว่างเดินทางไปยังเมืองปนตียานัก จังหวัดกาลีมันตันตะวันตกของอินโดนีเซีย

คาดว่าเครื่องบินลำดังกล่าวตกลงจากความสูงมากกว่า 3,000 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที ตามข้อมูลของเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน Flightradar21.com

พยานหลายคนบอกว่า พวกเขาเห็นและได้ยินเสียงระเบิดอย่างน้อย 1 ครั้ง

“โซลิฮิน” ชาวประมง ให้ข้อมูลกับบีบีซีอินโดนีเซียว่า เขาเห็นเหตุการณ์ระหว่างเครื่องบินตก และกัปตันบนเรือของเขาตัดสินใจนำเรือเข้าฝั่ง

“ตอนที่เครื่องบินตก มันเหมือนกับฟ้าแล่บกลางทะเล และมีการระเบิดในน้ำด้วย” เขาเล่า

“เหตุเกิดค่อนข้างใกล้กับเรือของเรา พวกเศษของมีคมประเภทไม้อัดเกือบจะชนเรือของเราเลย”

ชาวเกาะจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับจุดที่เครื่องบินหายไป เผยกับบีบีซีว่า พวกเขาพบวัตถุที่คาดว่ามาจากเครื่องบินด้วย

ความพยายามในการค้นหาและช่วยชีวิตถูกระงับชั่วข้ามคืน แต่คาดว่ามีกำหนดเริ่มภารกิจอีกครั้งในวันนี้

มีรายงานว่ากองทัพเรือของอินโดนีเซียได้เข้าร่วมการค้นหาเมื่อวานนี้ด้วย โดย “อับดุล ราซิด” เจ้าหน้าที่กองทัพเรือเผยกับรอยเตอร์สว่า ทางกองทัพเรือพยายามหาพิกัดเครื่องบิน และส่งเรือออกไปยังจุดดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เครื่องบินลำประสบเหตุไม่ใช่เครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ ซึ่งเป็นรุ่นที่หยุดใช้งานตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 ถึงธันวาคมที่ผ่านมา หลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง 2 ครั้ง

คำถามที่ตอบยาก

กระทรวงคมนาคมอินโดนีเซียเผยว่า การติดต่อกับเครื่องบินลำนี้ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่การเดินทางไปยังเมืองปนติยานัก ทางตะวันตกของเกาะบอร์เนียว ปกติใช้เวลา 90 นาที

พลอากาศเอก บากัส ปูรูฮิโต หัวหน้าหน่วยค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติ เผยว่า เครื่องบินลำดังกล่าวไม่ได้ส่งสัญญาณผิดปกติใด ๆ

เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเผยว่า บนเครื่องบินลำดังกล่าวมีผู้โดยสาร 50 คน ซึ่งรวมถึง เด็ก 7 คน และ ทารก 3 คน รวมถึงลูกเรือ 12 คน แม้ว่าเครื่องจะสามารถบรรทุกคนได้มากถึง 130 คน ก็ตาม โดยทั้งหมดเป็นชาวอินโดนีเซีย

ญาติของผู้โดยสารได้แต่รอด้วยความวิตกที่สนามบินในเมืองปนติยานัก และที่สนามบินนานาชาติซูการ์โนฮัตตาในกรุงจาการ์ตา

REUTERS/Willy Kurniawan

“ยามาน ไซ” ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า คนในครอบครัวของเขา 4 คน อยู่บนเครื่องลำน้ำ คือภรรยาและลูก ๆ ของเขา 3 คน

“ภรรยาของผมเพิ่งส่งรูปลูกมาให้ดู หัวใจของผมจะไม่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ยังไง?”

ข้อมูลจากการลงทะเบียนของเครื่องบินลำนี้ ระบุว่า มันเป็นเครื่องบินรุ่น 737-500 อายุ 26 ปี

“เจฟเฟอร์สัน ไอร์วิน โจเวนา” ผู้บริหารระดับสูงของสายการบินศรีวิจายา ยืนยันว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ในสภาพดี แต่การนำเครื่องขึ้นต้องล่าช้าไป 30 นาที เป็นเพราะฝนตกหนัก

REUTERS/Willy Kurniawan

สายการบินศรีวิจายา ก่อตั้งเมื่อปี 2546 เป็นสายการบินราคาประหยัด ซึ่งมีทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เครื่องบินลำนี้หายไปในจุดที่อยู่ห่างจากทางเหนือของกรุงจาการ์ตาประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่งไม่ไกลจากจุดที่เคยเกิดเหตุเครื่องบินตก เมื่อเดือนตุลาคม 2561

เหตุเครื่องบินตกครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 189 ราย เมื่อเที่ยวบินของสายการบินไลอ้อนตกลงสู่ทะเล หลังนำเครื่องขึ้นจากกรุงจาการ์ตาได้เพียง 12 นาที

เหตุสลดดังกล่าวถูกตำหนิว่าเกิดจากความล้มเหลวในการออกแบบเครื่องบิน ตลอดจนความผิดพลาดของสายการบินและนักบิน

เครื่องบินตกครั้งนั้นนับเป็นหนึ่งในสองเหตุการณ์ที่ทำให้หน่วยกำกับดูแล สั่งหยุดให้บริการเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 737 แม็กซ์ แต่หลังจากนั้นเครื่องบินรุ่นดังกล่าวก็กลับมาให้บริการอีกครั้งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีการยกเครื่องระบบเรียบร้อย

“เจอร์โรม วิราวาน” ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงจาการ์ตา เผยว่า เหตุสลดครั้งล่าสุดจะทำให้เกิดคำถามและความรู้สึกโกรธในอินโดนีเซีย ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมสายการบินจะต้องเผชิญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มข้น นับตั้งแต่เกิดเหตุเครื่องบินไลอ้อนแอร์ตก