รัฐบาลรัสเซียลั่นพร้อมยุติ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ทันที ถ้ายูเครนทำตามเงื่อนไข 4 ข้อ แต่ผลการเจรจารอบสามยังไม่บรรลุผล ขณะที่ราคาน้ำมันโลกพุ่งกระฉูด หลังสหรัฐ-ยุโรปงัดมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
วันที่ 7 มีนาคม 2565 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ประจำทำเนียบเครมลิน ให้สัมภาษณ์ว่า รัสเซียแจ้งเงื่อนไขกับยูเครนไปแล้ว และถ้าได้รับการตอบสนอง รัสเซียพร้อมจะจบศึก แถลงการณ์ดังกล่าวนับว่าชัดเจนที่สุดนับจากศึกรบครั้งนี้เข้าสู่วันที่ 12
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
เงื่อนไข 4 ข้อ ได้แก่ ยูเครนต้องยุติความเคลื่อนไหวทางทหาร แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยืนยันว่าตนเองจะดำรงความเป็นกลางระหว่างประเทศ รับรองว่าไครเมียเป็นอาณาเขตของรัสเซีย และยอมให้สาธารณรัฐโดเนตสก์และสาธารณรัฐลูฮันสก์เป็นรัฐเอกราช
เงื่อนไขนี้เปิดเผยช่วงที่ตัวแทนรัสเซียและยูเครนเปิดการเจรจาครั้งที่สามที่กรุงมินสก์ ประเทศเบลารุส ซึ่งฝ่ายยูเครนเผยหลังการเจรจาเสร็จสิ้นว่า มีพัฒนาการด้านบวกเล็กน้อยในด้านเปิดเส้นทางให้พลเรือนอพยพหนีภัย แต่ไม่บรรลุข้อตกลงใดที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
รัสเซียยันไม่ได้อยากยึดยูเครน
ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. รัสเซียส่งทัพโจมตียูเครนทั้งจากทางเหนือ ตะวันออก และใต้ ยิงถล่มเมืองต่าง ๆ รวมถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวง เมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับสอง และเมืองท่า มาริอูโปล
ศึกดังกล่าวก่อให้เกิดวิกฤตผู้อพยพที่เลวร้ายที่สุดในยุโรปนับจากสงครามโลกครั้งที่สอง อีกทั้งสร้างกระแสต่อต้านจากทั่วโลก นำไปสู่มาตรการแซงก์ชั่นรัสเซียอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม นายเปสคอฟยังคงยืนยันว่า รัสเซียไม่ได้ต้องการขยายพรมแดนเข้าไปยังยูเครน และไม่เป็นความจริงเลยว่าต้องการให้ยูเครนส่งมอบกรุงเคียฟให้รัสเซีย
“เราเพียงต้องการทำให้ยูเครนปลอดทหารจริง ๆ แล้วเราจะจบมัน แต่ประเด็นหลักคือ ยูเครนต้องยุติความเคลื่อนไหวทางทหาร ถ้าพวกเขาหยุดเคลื่อนไหวทางทหารแล้ว ก็จะไม่มีใครยิง” นายเปสคอฟ กล่าว
บีบยูเครนบัญญัติ รธน.ว่าจะเป็นกลาง
ส่วนเงื่อนไขให้ยูเครนดำรงความเป็นกลาง นายเปสคอฟกล่าวว่า “พวกเขาต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเลย ว่ายูเครนจะปฏิเสธเป้าหมายใดก็ตามที่จะดึงประเทศเข้าไปเป็นสมาชิก ไม่ว่ากลุ่มใดก็ตาม”
“เรายังพูดถึงวิธีที่พวกเขาควรยอมรับว่าไครเมียเป็นอาณาเขตของรัสเซีย และจำเป็นต้องยอมรับว่าโดเนตสก์และลูฮันสก์เป็นรัฐเอกราช เพียงเท่านี้ทุกอย่างจะจบทันที” โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าว และว่ารัสเซียต้องการปกป้องประชาชน 3 ล้านคนที่ใช้ภาษารัสเซียอยู่ในแคว้นทั้งสอง ซึ่งถูกคุกคามจากทหารยูเครน 1 แสนนาย
“เราจะแค่รับรองพวกเขาไม่ได้ เราต้องจัดการกับกองทัพที่มีทหาร 100,000 นายที่ประจำการอยู่ตลอดพรมแดนของโดเนตสก์และลูฮันสก์ และพร้อมจะโจมตีเมื่อใดก็ได้ ทหารพวกนี้ได้รับอาวุธจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษมาตลอดเวลา”
นายเปสคอฟกล่าวด้วยว่า “ไม่ใช่เราที่เข้าไปยึดลูฮันสก์และโดเนตสก์จากยูเครน แต่โดเนตสก์และลูฮันสก์ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน ดังนั้นนี่ไม่ได้หมายความว่ารัฐทั้งสองต้องถูกทำลายลง”
“สุดท้ายแล้ว ยูเครนก็เป็นประเทศเอกราชและอยู่ต่อไปได้ตามที่ต้องการ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะดำรงความเป็นกลาง” โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าวย้ำ และว่าข้อเรียกร้องนี้รัสเซียแจ้งไปตั้งแต่การเจรจาสองรอบแรก
โวยนาโต้คุกคามจนอยู่ไม่เป็นสุข
“เราหวังว่าทั้งสองนี้จะตกลงกันได้ และพวกเขาจะปฏิบัติในทางที่เหมาะสม” เปสคอฟกล่าว และว่าสถานการณ์ในยูเครน คุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซียอย่างยิ่ง และมากกว่าเมื่อปี 2557 ที่รัสเซียส่งทหาร 150,000 นายประชิดพรมแดนยูเครน ช่วงที่ผนวกไครเมียเข้าเป็นดินแดนของรัสเซีย
“นับจากนั้นสถานการณ์เลวร้ายลงสำหรับเรา ปี 2557 พวกเขาเริ่มส่งอาวุธให้ยูเครน และเตรียมกองกำลังทหารนาโต้ แล้วนำยูเครนเข้าไปอยู่ในขอบเขตของนาโต้ สุดท้ายแล้วมันทำลายสมดุลของชีวิตคนกว่า 3 ล้านคนในภูมิภาคดอนบัส เราเข้าใจว่าพวกเขาจะถูกโจมตีแน่”
นายเปสคอฟกล่าวตอนท้ายว่า รัสเซียจำเป็นต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากนาโต้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะเหล่าพันธมิตรของนาโต้จะเอาขีปนาวุธเข้ามาติดตั้งในยูเครน เหมือนที่ติดตั้งแล้วในโปแลนด์และโรมาเนีย
“เราเข้าใจว่าเราจะปล่อยแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เราต้องจัดการ”
ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดนับจากปี2551
วันเดียวกันมีความเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรยุโรป เปิดการประชุมหารือว่าจะแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย บวกกับการที่ข้อตกลงของชาติตะวันตกกับอิหร่านเลื่อนออกไป จนไม่มีวี่แววว่าน้ำมันของอิหร่านจะกลับเข้าสู่ตลาดโลกได้ในเร็ววัน ด้วยปัจจัยด้านลบดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงสุดในรอบ 14 ปี นับจากปี 2551
ราคาน้ำมันดิบเบรนต์พุ่งขึ้นถึง 4.86 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 4.1%, ไปอยู่ที่ 122.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส พุ่งขึ้น 2.85 ดอลลาร์ คิดเป็น 2.5% ไปอยู่ที่ 118.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทางสภาผู้แทนสหรัฐนัดประชุมเพื่อผ่านกฎหมายแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียและระงับความสัมพันธ์ทางการค้าระดับปกติกับรัสเซีย ภายในวันอังคารที่ 8 มี.ค. ตามเวลาสหรัฐ