ทูตรัสเซีย ขอบคุณรัฐบาลไทย วางตัวเป็นกลาง ไม่ขีดเส้นศึกยูเครนจบเมื่อใด

ทูตรัสเซีย

ทูตรัสเซีย เปิดแถลง ขอบคุณรัฐบาลไทยวางตัวเป็นกลาง รับฟัง อีกทั้งยังช่วยเหลือชาวรัสเซียในไทย ยืนยันความจำเป็นที่รัสเซียต้องเปิดศึกยูเครน และไม่ขีดเส้นว่าจะจบลงเมื่อใด

วันที่ 15 มีนาคม 2565 นายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เปิดแถลงข่าวที่ สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศยูเครน​​ ตลอดจนประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและรัสเซีย

นายโทมิคินกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่แสดงจุดยืนเป็นกลางต่อสถานการณ์ในขณะนี้ แม้จะลงมติประณามรัสเซียในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ซึ่งรัสเซียเคารพทุกการตัดสินใจและไม่แทรกแซง

“เราขอบคุณที่รัฐบาลไทยมีจุดยืนที่สมดุล เราหารือกับกระทรวงต่างประเทศของไทยอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา เราดีใจที่ฝั่งไทยพร้อมฟังในสิ่งที่เราพูด แม้ว่าจะมีแรงกดดันสูงมากจากรัฐบาลชาติตะวันตก ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้มายาวนาน เราไม่เคยขัดแย้งทางการเมืองต่อกัน” ทูตรัสเซียกล่าวถึงกรณีที่เอกอัครราชทูตชาติยุโรป 25 ประเทศ เดินทางเยือนกระทรวงต่างประเทศเพื่อกดดันรัฐบาลไทยก่อนหน้านี้

ทูตรัสเซีย

นายโทมิคินกล่าวย้ำด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของรัสเซียคือปฏิบัติการพิเศษทางทหาร โดยเปรียบเทียบกับการที่สหรัฐส่งกองทัพเข้าไปยังอัฟกานิสถาน ตั้งแต่เมื่อปี 2544

“การที่กองทัพสหรัฐเข้าไปในอัฟกานิสถานเรียกว่าสงครามหรืออะไร ผมจำไม่ได้ว่า สหรัฐประกาศสงครามต่ออัฟกานิสถาน เป้าประสงค์ของเราคือการทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของยูเครน เราต้องการเห็นยูเครนแบบที่เป็นมิตร มีสันติ ไม่ใช่ตัวสปริงบอร์ดให้นาโต้ ดังนั้นผมไม่คิดว่านี่คือสงคราม” ทูตรัสเซีย กล่าว

“เราไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ หลังจากกองทัพยูเครนโจมตีภูมิภาคดอนบัส ซึ่งมีชาวรัสเซียอยู่ 8 แสนคน รัสเซียพยาบามยุติสงครามที่ยูเครนเริ่มต้นเมื่อ 8 ปีก่อน”

นายโทมิคินกล่าวต่อว่า เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง ตอนนั้นมีสัญญาจากนักการเมืองชาติตะวันตกมากมายว่าจะไม่ขยายกองกำลังนาโต้เข้ามายังดินแดนที่เป็นแนวกันชนของสหภาพโซเวียต แต่สหรัฐอาจรู้สึกว่าตนเองใหญ่เหนือกว่าใครทั้งสิ้น และจะทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ รวมถึงการยั่วยุ

“ถ้ามีใครตีหัวคุณมานานแล้ว อาจจะ 8 ปี หรือ 30 ปี คุณจะทนต่อไปอีกนานแค่ไหน สำหรับ 30 ปี (หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต) เราไม่รู้สึกเลยว่าได้รับการเคารพจากชาติตะวันตก ทหารอเมริกันเข้ามาประจำการตามฐานต่างๆ มากกว่าที่ส่งเจ้าหน้าที่มาประจำการทีสถานทูตเสียอีก”

เมื่อถามถึงข้อมูลจากยูนิเซฟระบุถึงจำนวนเด็กๆ ที่เสียชีวิตแล้วราว 30 ราย ทูตโทมิคินกล่าวว่า “แน่นอนว่าสงครามเป็นสิ่งที่เลวร้าย โดยเฉพาะกับพลเรือน แต่ผมขอถามว่าองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงยูนิเซฟหายไปไหนมาในช่วง 8 ปีมานี้ ภารกิจหลักของรัสเซียคือการทำลายโครงสร้างทางทหาร เราไม่ทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน เราไม่ถล่มอพาร์ตเมนต์ แต่แน่นอนว่า ทุกการสู้รบมีคนบาดเจ็บล้มตาย”

ส่วนกรณีที่มีทั้งคนไทยและคนยูเครนที่ต่อต้านสงครามประท้วงอยู่ด้านหน้าสถานทูตรัสเซีย นายโทมิคินกล่าวว่า “เราเจอแบบนี้เกือบทุกวัน เป็นกลุ่มคนเดิมที่มาที่นี่ เป็นสิทธิของพวกเขาที่จะเคลื่อนไหว เราขอบคุณตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ นี่ไม่ใช่สภาพที่ปกติ เรารู้ว่ามีบางคนมาจากยูเครน และคนที่มาจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่รัสเซียและยูเครน”

กลุุ่มต่อต้านสงครามชุมนุมหน้าสถานทูตรัสเซีย

ต่อคำถามว่า สงครามจะยืดเยื้อไปอีกยาวนานแค่ไหน ทูตรัสเซีย กล่าวว่า “มันไม่ง่ายที่จะตอบ โดยเฉพาะเมื่อทหารยูเครนซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพลเรือน ไม่มีกำหนดเวลาสำหรับปฏิบัติการ มีแต่เป้าหมายว่า อย่างแรกคือทำลายโครงสร้างทางทหาร และสอง สลายลัทธินาซี”

เมื่อถามถึงสถานการณ์ที่ชาวรัสเซียในประเทศไทยเผชิญความยากลำบากจากมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ ทูตโทมิคินกล่าวว่า เราประสานงานร่วมกับทางการไทยและรัสเซีย ในการจัดหาเที่ยวบิน และรวบรวมข้อมูลนักท่องเที่ยวรัสเซียในไทยกในนการต่อวีซ่าเพื่ออยู่ต่อในไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สถานทูตกงสุลจะดำเนินการต่อวีซ่าแก่นักท่องเที่ยว

“เราขอบคุณรัฐบาลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ความช่วยเหลือมนุษยธรรมแก่คนรัสเซียในไทย เฉกเช่นเดียวกับเมื่อ 2 ปีก่อนที่โควิดระบาด”

สำหรับคำถามสุดท้ายที่สังเกตได้ว่า สื่อมวลชนตะวันตกไม่ได้รับเชิญในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายโทมิคินกล่าวว่า “เราได้รับคำขอจากสื่อตะวันตกจำนวนมาก แต่เสียดาย อย่างที่พวกคุณเห็น ห้องนี้ไม่ได้ใหญ่พอ เราไม่อาจให้เพื่อนจากสื่อมวลชนเข้ามาได้ทั้งหมด ผมรู้ว่ามีบางคนในกลุ่มพวกคนสนับสนุนยูเครน และโพสต์รูปทางโซเชียลมีเดีย แต่ผมก็พยายามเปิดกว้างแล้วในวันนี้”