สงครามยังไม่จบ ทั้งในสมรภูมิยูเครนและทางเศรษฐกิจ ล่าสุดหัวหน้าใหญ่สหภาพยุโรปเรียกร้องให้ชาติสมาชิกอียู 27 ประเทศ เห็นชอบแผนแบนน้ำมันรัสเซีย
วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นำเสนอแผนเพิ่มการลงโทษเศรษฐกิจรัสเซีย เป็นแพ็กเกจที่ 6 มีเนื้อหาขยายการเล่นงานธนาคารรัสเซียเพิ่มเติม พร้อมตัดการพึ่งพาน้ำมันรัสเซียให้เด็ดขาดภายในสิ้นปีนี้
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 2 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- หวยงวด 2 พ.ค. เช็กสถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง 10 ปี
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
“เราต้องทำให้มั่นใจว่าเราจะกำจัดน้ำมันรัสเซียที่เคยนิยมนำเข้าออกไปให้หมด ด้วยหนทางที่จะทำให้เราและหุ้นส่วนหาทางเลือกอื่นที่มั่นคง และลดผลกระทบต่อตลาดโลกได้” ประธานกรรมาธิการยุโรปกล่าว
ฟอน เดอร์ เลเยน แถลงแผนดังกล่าวต่อสภายุโรปที่เมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส เพื่อขอให้สมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู 27 ประเทศ เห็นชอบแผนการลงโทษเศรษฐกิจรัสเซีย ชุดที่ 6 มีเนื้อหารวมถึงการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียให้ได้ภายใน 6 เดือน และห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ยังห้ามทำธุรกรรมกับธนาคารของรัสเซีย โดยให้ตัดขาดธนาคาร Sberbank และอีก 2 ธนาคารใหญ่ออกจากระบบ SWIFT ที่เป็นระบบการจ่ายเงินระหว่างประเทศ
เผยสมาชิกอียูยังเสียงแตก
แผนการดังกล่าวจะมีผลต่อเมื่อสมาชิกทั้ง 27 ประเทศลงมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ และฟอน เดอร์ เลเยน รับสภาพว่าการจะได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกที่อยู่ในเขตแลนด์ล็อก หรือพื้นที่ไม่ติดทะเล จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียเป็นเรื่องไม่ง่าย
หากได้รับความเห็นชอบ การแบนนำเข้าน้ำมันรัสเซียครั้งนี้จะเป็นแพ็กเกจการลงโทษรัสเซียชุดที่ 2 ในด้านพลังงาน นับจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งให้กองทัพรัสเซียบุกยูเครน ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.
ขณะเดียวกัน อียูเริ่มหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะสั่งห้ามก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเข้ามาเทียบท่าในยุโรป แต่ชาติสมาชิกยังแตกคอกัน เนื่องจากยังจำเป็นต้องใช้ก๊าซในการผลิตกระแสไฟฟ้าตามบ้านเรือน โดยเฉพาะฮังการีประกาศชัดว่าจะไม่เข้าร่วมมาตรการนี้
นอกจากนี้ ฮังการีและสโลวะเกียต่างประกาศแล้วว่าจะไม่ร่วมมีส่วนแซงก์ชั่นน้ำมัน ซึ่งประธานหญิงของยุโรปยังไม่ได้แจ้งว่า ทั้งสองประเทศจะได้รับการยกเว้นหรือไม่
ฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวด้วยว่า ยุโรปจะแบนการส่งข่าวจากสถานีโทรทัศน์และวิทยุของทางการรัสเซียเข้ามาในยุโรป ทั้งทางสัญญาณวิทยุ เคเบิล และอินเทอร์เน็ต
ปูตินลงนามตอบโต้บุคคล-องค์กร
วันเดียวกัน นายปูตินลงนามกฤษฎีกาว่าด้วยการแซงก์ชั่นตอบโต้กลุ่มบุคคลและองค์กร เพื่อรับมือกับ “การกระทำอันไม่เป็นมิตร” สืบเนื่องจากความขัดแย้งรัสเซีย–ยูเครน
กฤษฎีการะบุการใช้มาตรการตอบโต้การกระทำอันไม่เป็นมิตรของสหรัฐต่างชาติ และองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งมุ่งลิดรอนหรือจำกัดสิทธิในทรัพย์สินของรัสเซีย พลเมืองรัสเซีย และองค์กรตามกฎหมายของรัสเซียโดยผิดกฎหมาย โดยมีเป้าหมายปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
นอกจากนั้น กฤษฎีกายังสั่งห้ามการปฏิบัติตามข้อผูกพันกับกลุ่มบุคคลและองค์กรต่างชาติที่ถูกคว่ำบาตร และห้ามบรรลุข้อตกลงหรือทำธุรกรรมกับพวกเขาเหล่านั้น โดยรัสเซียจะสั่งห้ามการส่งออกวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในประเทศสู่ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรด้วย
ทั้งนี้ กฤษฏีกาไม่ได้แจกแจงรายละเอียดว่าบุคคลหรือองค์กรใดอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว โดยรัฐบาลรัสเซียได้รับคำสั่งให้รวบรวมรายชื่อบุคคลเหล่านี้ภายใน 10 วัน
ชี้ศึกจบได้-ยุโรปต้องเลิกส่งอาวุธ
ส่วนการหารือระหว่างนายปูตินกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ครั้งแรกในรอบ 1 เดือน นายปูตินตอบกลับนายมาครงที่ขอให้ยุติสงครามว่า ชาติตะวันตกจะช่วยยุติสงครามในยูเครนได้ โดยหยุดการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ เพราะการส่งอาวุธรังแต่จะทำให้สงครามยืดเยื้อยาวนานยิ่งขึ้น
ผู้นำรัสเซียยังแนะนำว่า ชาติตะวันตกควรหันไปกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ให้ลดความดื้อรั้นแข็งกร้าวลง พร้อมกล่าวหาว่ากองกำลังยูเครนเป็นฝ่ายก่ออาชญากรรมสงครามด้วยการถล่มโจมตีเขตที่อยู่อาศัยของพลเรือน ในหลายเมืองของภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งรวมถึงเขตอิทธิพลของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลังอยู่ด้วย
คำกล่าวของนายปูตินมีขึ้นหลังจากอังกฤษเพิ่งประกาศมอบยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมให้แก่ยูเครนอีกเป็นมูลค่า 376 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 12,800 ล้านบาท มีทั้งระบบเรดาร์ อุปกรณ์รบกวนสัญญาณจีพีเอส อุปกรณ์ช่วยการมองเห็นในเวลากลางคืน และอุปกรณ์ควบคุมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งใช้ในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์