รัสเซีย ยูเครน : รถถังของเยอรมนี, สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จะพลิกสถานการณ์สงครามในยูเครนได้อย่างไร

นี่เป็นสัปดาห์ที่ยูเครนกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมากในสถานการณ์สงครามใช่ไหม นี่คือช่วงเวลาที่เด็ดเดี่ยว หลังจากที่ชาติตะวันตกหลายชาติยืนยันว่า จะส่งรถถังประจัญบานหลักที่ทันสมัยของตัวเองให้แก่ยูเครน

เยอรมนีบอกว่า จะส่งรถถังเล็ปเพิร์ด 2 (Leopard 2) และสหรัฐอเมริกา บอกว่า จะส่งรถถังเอ็ม1 เอบรามส์ (M1 Abrams) ทั้งสหราชอาณาจักรและโปแลนด์ต่างรับปากอย่างชัดเจนแล้วว่า จะส่งรถถังให้ยูเครน และหวังว่า ชาติอื่น ๆ จะทำตาม นักวิจารณ์บางส่วนเรียกท่าทีที่เกิดขึ้นว่า อาจจะเป็น “ตัวพลิกเกม”

แต่นี่เพียงพอจริง ๆ หรือในการคว้าชัยในสงครามนี้

เบน บาร์รี นักวิจัยอาวุโสที่สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาเชิงกลยุทธ์ (International Institute for Strategic Studies–ISS) กล่าวกับบีบีซีว่า รถถังของชาติตะวันตกจะทำให้เกิดความแตกต่างขึ้น แต่อดีตนายพลจัตวาของกองทัพบกอังกฤษผู้นี้ เตือนด้วยว่า คำสัญญาต่าง ๆ ว่า จะส่งรถถังให้จนถึงขณะนี้ยังไม่น่าที่จะชี้ขาดผลแพ้ชนะได้

รถถังเอ็ม1 เอบรามส์ ของสหรัฐฯ เร็วกว่ารถถังส่วนใหญ่ที่รัสเซียผลิต

EPA
รถถังเอ็ม1 เอบรามส์ ของสหรัฐฯ เร็วกว่ารถถังส่วนใหญ่ที่รัสเซียผลิต

ในการทำการรบสมัยใหม่ รถถังเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับปฏิบัติการเดินหน้าบุก เพื่อผลักแนวรบของข้าศึกและยึดดินแดนกลับคืนมา

การใช้รถถังอย่างมีประสิทธิผลจะช่วยให้มีขีดความสามารถในการเคลื่อนที่ยิง การคุ้มครอง และการจู่โจมอย่างเหนือความคาดหมาย การมีรถถังมาใช้งานพร้อมกันจำนวนมาก อาจจะช่วยทำลายแนวป้องกันของศัตรูได้

แต่รถถังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากปืนใหญ่ เพื่อทำให้การป้องกันเหล่านั้นอ่อนแอลงก่อน จากนั้นก็เป็นการสนับสนุนของทหารราบเพื่อยึดดินแดนกลับคืนมา

ประวัติศาสตร์เผยให้เห็นว่า รถถังเพียงอย่างเดียวไม่อาจคว้าชัยในสมรภูมิรบได้ อังกฤษเคยใช้รถถังหลายร้อยคันที่สมรภูมิคอมเบรในเดือน พ.ย. 1917 เพื่อยุติทางตันของการสู้รบแบบใช้สนามเพลาะซึ่งไม่มีความคืบหน้า ในตอนแรกมีความคืบหน้าอย่างมาก แต่ไม่นานรถถังหลายคันก็เริ่มเสียและการบุกโต้กลับของฝ่ายเยอรมนีทำให้อังกฤษที่เป็นฝ่ายได้เปรียบกลับกลายเป็นฝ่ายสูญเสียจำนวนมาก

รถถังอาจถูกใช้ในการป้องกันได้ด้วย ในปี 1940 กองทัพอังกฤษและกองทัพฝรั่งเศสที่กำลังล่าถอยได้ใช้รถถังที่เมืองอารัส เพื่อหยุดการบุกของนาซี เปิดโอกาสให้มีการอพยพทหารอังกฤษออกจากดันเคิร์กในเวลาต่อมา

แต่ยูเครนระบุอย่างชัดเจนว่า ต้องการอาวุธไม่เพียงเพื่อหยุดยั้งรัสเซียที่อาจจะบุกในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ต้องการยึดดินแดนของตัวเองกลับคืนมาและเดินหน้าโจมตีรัสเซียต่อไปด้วย

ยูเครนอาจใช้รถถังเป็นหัวหอกในการโจมตีอย่างไร

คงจะไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผล หากยูเครนจะส่งรถถังที่ได้มาเพิ่มเติมกระจายไปตลอดแนวรบยาวกว่า 1,000 กม. ในการฝ่าปราการป้องกันของรัสเซีย ยูเครนจำเป็นต้องรวบรวมกำลังพลของตัวเองให้มากระจุกตัวกัน อาจจะครอบคลุมแนวรบระหว่าง 5-20 กม.

นายเฮมิช เดอ เบร็ตตัน-กอร์ดอน อดีตพันเอกที่กองรถถังกองทัพบกอังกฤษ กล่าวว่า จำนวนมีความสำคัญต่อความสำเร็จ เขาบอกว่า ปกติกองพลน้อยหุ้มเกราะ 1 กองพลในปฏิบัติการบุกที่มีความสำคัญจะมีรถถังอย่างน้อย 70 คัน ดังนั้น รถถังประจัญบานของชาติตะวันตกมากกว่า 100 คัน อาจทำให้เกิดความแตกต่างที่สำคัญขึ้นได้

ถ้ายูเครนมีรถถังมากขึ้น ก็อาจจะลองปฏิบัติการบุกในเวลาเดียวกันจากหลายพื้นที่ได้ อย่างที่ยูเครนเคยทำเมื่อปีที่แล้วในทางเหนือและทางใต้

จากนั้นจำเป็นต้องมีการสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อทำในสิ่งที่กองทัพเรียกว่า “กลยุทธ์รวมอาวุธ”

สหราชอาณาจักรไม่เพียงแต่จะส่งรถถังแชลเลนเจอร์ (Challenger) จำนวน 14 คันให้ยูเครนเท่านั้น แต่ยังจะส่งปืนใหญ่อัตตาจร และยานหุ้มเกราะที่ใช้ในการขนส่งและคุ้มครองทหารให้แก่ยูเครนด้วย

ความช่วยเหลือทางการทหารรอบใหม่นี้ยังรวมถึงรถวางสะพาน และรถที่ใช้ในการฝ่าทุ่นระเบิดด้วย เรียกได้ว่า มีองค์ประกอบที่สำคัญหลายอย่างที่จำเป็นต่อปฏิบัติการบุกใด ๆ

สหรัฐฯ กำลังจะส่งยานหุ้มเกราะสไตรเกอร์ (Stryker) และยานหุ้มเกราะแบรดลีย์ (Bradley) ให้ยูเครนมากกว่า 100 คัน เยอรมนีจะส่งยานรบทหารราบมาร์เดอร์ (Marder) ให้ 40 คัน รวมถึงรถถังด้วย

รถถังคือปลายของหอก ถูกออกแบบมาเพื่อเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในพื้นที่เปิด รถถังแชลเลนเจอร์ 2, เล็ปเพิร์ด 2 และเอ็ม 1 เอบรามส์ เร็วกว่ารถถังส่วนใหญ่ที่ผลิตโดยรัสเซียซึ่งมีความเร็วมากกว่า 40 กม. ชั่วโมงในพื้นที่ขรุขระ

ในการเข้าไปยึดพื้นที่อย่างรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง พวกเขาน่าจะหลีกเลี่ยงพื้นที่ในเมืองซึ่งจะเสี่ยงในการถูกโจมตีมากกว่า รัสเซียเผยให้เห็นช่วงต้นของสงครามนี้แล้วว่า การเคลื่อนรถถังจำนวนมากเป็นแถวยาวบนถนนตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่าย ทำให้ความพยายามของรัสเซียในการล้อมกรุงเคียฟล้มเหลว

นายบาร์รี จาก ISS กล่าวว่า การโจมตีหัวหอกใด ๆ จะต้องมองหาจุดอ่อนของข้าศึก แต่เขายังเตือนด้วยว่า รัสเซียได้ใช้เวลาในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เสริมกำลังตามจุดตั้งรับต่าง ๆ ด้วยการทำสนามเพลาะและติดกับดักรถถัง

รถถังของชาติตะวันตกยังมีน้ำหนักมากกว่าของฝ่ายรัสเซียราว 20 ตัน เกราะที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการคุ้มครองที่ดีขึ้น แต่ก็ทำให้รถถังอาจจะหนักเกินไปในการข้ามสะพานที่ทำขึ้นชั่วคราวบางแห่ง รัสเซียและยูเครนต่างก็ระเบิดทำลายสะพานเพื่อชะลอการเคลื่อนทัพของอีกฝ่าย

การชิงโจมตีในช่วงกลางคืน

นายเดอ เบร็ตตัน-กอร์ดอน ซึ่งเคยบัญชาการกองรถถังแชลเลนเจอร์ของอังกฤษ กล่าวว่า หนึ่งในความได้เปรียบของรถถังที่ชาติตะวันตกผลิตขึ้นคือ ขีดความสามารถในการสู้รบตอนกลางคืน

โดยต้องใช้การมองเห็นในยามค่ำคืนและกล้องตรวจจับความร้อน มีเพียงรถถังที่ก้าวหน้าของรัสเซียอย่าง ที-90 (T-90) เท่านั้นที่เหมาะสำหรับต่อสู้ในช่วงกลางคืน การโจมตีท่ามกลางความมืดยังเป็นองค์ประกอบของการโจมตีที่เหนือความคาดหมายด้วย

ความท้าทายมากที่สุดสำหรับยูเครนคือ การส่งกำลังบำรุง ทั้งการส่งเชื้อเพลิง กระสุน และชิ้นส่วนอะไหล่เข้าไปอย่างต่อเนื่อง ยูเครนไม่เพียงแต่ต้องบำรุงรักษาคลังอาวุธยุคโซเวียตของตัวเองเท่านั้น แต่ยังต้องคอยกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดของอาวุธต่าง ๆ ที่ชาติตะวันตกส่งเข้ามาให้เพิ่มมากขึ้นด้วย

ยกตัวอย่าง รถถังแชลเลนเจอร์ 2 ของอังกฤษ ไม่ใช้กระสุนขนาดมาตรฐานของนาโตแบบที่รถถังเล็ปเพิร์ดและรถถังเอบรามส์ใช้ รถถังแชลเลนเจอร์ 2 ไม่มีการผลิตเพิ่มอีกต่อไปแล้ว และแม้แต่กองทัพบกของอังกฤษก็ต้องใช้ชิ้นส่วนของรถถังอีกคันมาใช้เป็นอะไหล่ด้วย

นายบาร์รี กล่าวว่า วิศวกรของยูเครนอาจจะคุ้นเคยกับการซ่อมเครื่องยนต์ดีเซลแบบที่รถถังเล็ปเพิร์ดและรถถังแชลเลนเจอร์ใช้ แต่เขากล่าวว่า รถถังเอบรามส์ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ใช้เครื่องยนต์กังหันแก๊ส หรือ ก๊าซเทอร์ไบน์ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และยังใช้เชื้อเพลิงมากเป็นสองเท่าของรถถังเล็ปเพิร์ดที่ผลิตโดยเยอรมนี

เยอรมนีผลิตเล็ปเพิร์ด 2 รถถังหนักที่ทันสมัยส่วนใหญ่ในยุโรป

Getty Images
เยอรมนีผลิตเล็ปเพิร์ด 2 รถถังหนักที่ทันสมัยส่วนใหญ่ในยุโรป

ถ้าชาติตะวันตกทำตามที่รับปากไว้ กองทัพยูเครนอาจจะมีรถถังเพิ่มขึ้นกว่า 100 คัน แต่ก็ยังห่างไกลจากจำนวนรถถังทั้งหมดที่ผู้บัญชาการกองทัพยูเครนร้องขอ

เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว พล.อ.วาแลรี ซาลูชนี กล่าวว่า ยูเครนจำเป็นต้องได้รับรถถังเพิ่ม 300 คัน ยานรบทหารราบ 700 คัน และปืนใหญ่วิถีโค้ง 500 คัน เพื่อใช้ในการบุกตามแผนที่วางไว้ในปีนี้ สุดท้ายแล้วยูเครนอาจจะได้อาวุธเหล่านี้มาเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

การฝึกใช้อาวุธหลายชนิดอาจจะใช้เวลานานหลายสัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือน และยังไม่แน่ชัดว่า อาวุธเหล่านี้จะส่งมาถึงเมื่อไหร่

สหรัฐฯ ระบุแล้วว่า รถถังเอ็ม1 เอบรามส์ จำนวน 31 คัน อาจจะไม่พร้อมส่งให้ในช่วงเวลาหลายเดือนนี้ นอกจากนี้ยูเครนก็กำลังรอคอยชาติตะวันตกให้ส่งเครื่องบินรบที่ทันสมัยให้ด้วย หลังจากร้องขอมาหลายครั้งแล้ว กองทัพที่โจมตีภาคพื้นดินจำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากทางอากาศ

เจ้าหน้าที่ทางการของตะวันตกหวังว่า ยูเครนอาจจะสามารถเริ่มโจมตีได้เร็วที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ พวกเขาเชื่อว่า มีโอกาสบุกในช่วงที่รัสเซียเผชิญกับปัญหาในการเสริมกำลังพลของตัวเอง และเติมกระสุนที่ร่อยหรอลงด้วย


ที่ผ่านมา ยูเครนสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนที่แสดงความกังขาต่อความสามารถของยูเครนนั้นคิดผิด แต่ยูเครนก็ยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกเพิ่มมากขึ้น ถ้าต้องการจะบรรลุเป้าหมายในการขับไล่กองทัพรัสเซียออกไป

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว