ประยุทธ์ นัดด่วน 10 รัฐมนตรีเฉพาะกิจ ถกวิกฤตอาหาร พลังงานแพง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประยุทธ์ เรียกคณะกรรมการรัฐมนตรีเฉพาะกิจ 10 คน ถกปัญหาค่าไฟ ราคาสินค้าแห่ขึ้นราคา เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย หาแพ็กเกจบริหารวิกฤตเศรษฐกิจ นัดแรก 11 ส.ค. 65

วันที่ 9 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีกำหนดการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบว่า จะนัดประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงด้านเศรษฐกิจ 10 คน และหัวหน้าส่วนราชการที่เป็นฝ่ายเสนาธิการเศรษฐกิจ อาทิ สภาพัฒน์ ปลัดกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมประชุมนัดแรก ในวันที่ 11 สิงหาคม 2565

คณะกรรมการชุดนี้ มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวง และมีอนุกรรมการ ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน เตรียมรวบรวมวาระปัญหาเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว เพื่อให้ทีมนายกรัฐมนตรีพิจารณา

ก่อนหน้านี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วาระที่คาดว่าคณะทำงานเตรียมการไว้ให้ ซึ่งก็คงจะดูทั้ง 2 ประเด็นคือ ปัญหาที่เรากำลังเผชิญเฉพาะหน้าในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และหมวดอาหารพวกนี้ จะมีวิธีการแก้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลก็ได้ทำไปในระดับหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่ากำลังดูว่าจะมีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้างในระยะสั้น ๆ

“ส่วนอีกระยะหนึ่ง คงจะมองให้ยาวขึ้น ซึ่งคงเกี่ยวข้องกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะกระทรวงอื่น ๆ เช่น การลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ที่เป็นต้นทุนของภาคเอกชน หรือว่าการที่จะแก้หนี้ภาคประชาชนในระยะยาว
ส่วนหนึ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ก็คือในช่วงที่ต่อเนื่องระหว่างช่วงโควิด-19”

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมาที่มีผลกระทบต่อค่าครองชีพ เพราะว่าการแพร่ระบาดของโควิดทำให้รายได้ลดลง แล้วรายได้กำลังกลับมา แต่ยังไม่กลับมาเต็มร้อยต้องมาเผชิญกับเรื่องของค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ฉะนั้น ก็ทำให้มีความเดือดร้อน ส่วนหนึ่งรัฐบาลก็นำโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 มาดำเนินการในช่วงวันที่ 1 ก.ย. ถึง 31 ต.ค. รวมแล้วประมาณ 42 ล้านคน

“ก็เชื่อว่าในช่วงนี้เม็ดเงินที่จะสะพัดอยู่ในระบบเศรษฐกิจก็ประมาณ 50,000 ล้านบาท อันนี้ก็จะเป็นมาตรการในชั่วขณะ เราคงต้องติดตามมาตรการเป็นระยะ ๆ ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้อนุกรรมการคงเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ ว่าจะมีอะไรเพิ่มเติม หรือเพียงพอหรือยัง” รมว.คลังกล่าว