ไต้หวัน-สหรัฐ ฟื้นเจรจาการค้าทวิภาคี เมินแรงกดดันจีน

ธงชาติ ไต้หวัน
REUTERS/Ann Wang

สหรัฐ-ไต้หวัน เดินหน้าเปิดศักราชใหม่ทางการค้า ผ่านการริเริ่มเจรจาข้อตกลงอย่างเป็นทางการ เย้ยอำนาจมังกรเเผ่นดินใหญ่ ไม่หวั่น แม้ไต้หวันจะเผชิญกับเเรงบีบคั้นของจีน

วันที่ 18 สิงหาคม 2565 แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า สหรัฐอเมริกาเเละไต้หวันเริ่มต้นการหารือการค้าภายใต้แนวทางใหม่ โดยทั้งสองประเทศต้องการบรรลุข้อตกลง “ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่มีความหมาย” เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐเพิ่มการสนับสนุนเกาะไต้หวันมากขึ้น

โดยทางฝั่งรัฐบาลสหรัฐ เเละไต้หวัน ได้เปิดเผยแผนริเริ่มเกี่ยวกับการค้าในศตวรรษที่ 21 มาตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายน เพียงไม่กี่วันหลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แยกเกาะที่เป็นข้อพิพาทแห่งนี้ออกจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจเเห่งเอเชีย ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโต้อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน แต่ได้สร้างข้อตกลงเฉพาะขึ้นมากับทางไต้หวัน

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้ “บรรลุฉันทามติเกี่ยวกับการเจรจาตามที่ตกลงกันไว้” และคาดว่าการเจรจารอบแรกจะมีขึ้นในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงนี้ (ก.ย.-ธ.ค. 2565)

ซาราห์ เบียนคิ รองผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์ว่า เราวางแผนที่จะดำเนินการตามแผนการที่ทะเยอทะยาน เพื่อให้บรรลุข้อผูกพันมาตรฐานสูงและผลลัพธ์ที่มีความหมาย โดยครอบคลุมพื้นที่การค้า 11 แห่งในอาณัติการเจรจา ซึ่งจะช่วยสร้างเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 ที่ยุติธรรม เจริญรุ่งเรืองและยืดหยุ่นมากขึ้น

การเจรจาที่ตกลงกันไว้ที่เปิดเผยพร้อมกับประกาศดังกล่าวระบุว่า สหรัฐและไต้หวันได้กำหนดวาระการประชุมที่เข้มข้นและแข็งแกร่ง สำหรับการเจรจาในประเด็นต่าง ๆ เช่น การอำนวยความสะดวกทางการค้า มาตรฐานแนวปฏิบัติที่ดี และการขจัดอุปสรรคกีดกันทางการค้า

โดยจะมีกระบวนการเริ่มต้นการเจรจาอย่างเป็นทางการขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ในข้อตกลงที่ “มีความหมายทางเศรษฐกิจ” ตามที่ได้กล่าวไว้

หากแต่ข้อตกลงดังกล่าวนี้ไม่ได้ระบุถึงความเป็นไปได้ของข้อตกลงการค้าเสรีในวงกว้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไต้หวันกำลังต้องการและกดดันทางสหรัฐมาอย่างยาวนาน

ขณะที่ทางสหรัฐนั้น แม้ว่าจะไร้ซึ่งการประกาศความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่รัฐบาลสหรัฐก็ได้มีความชัดเจนอย่างยิ่งและกระตือรือร้นในเรื่องของการเพิ่มความสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไต้หวันต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองจากฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องการผนวกให้ไต้หวันยอมรับในอำนาจอธิปไตยที่เหนือกว่าของตน

ไต้หวันชี้แรงกดดันจากจีนยังคงเสี่ยง

รอยเตอร์ส รายงานว่า นอกจากการเจรจาถึงข้อตกลงทางเศรษฐกิจแล้ว เจ้าหน้าที่ทางการของไต้หวันกล่าวด้วยว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับ “การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ” ของจีนด้วย

จอห์น เติ้ง ผู้เจรจาการค้าระดับสูงของไต้หวันกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงไทเป เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 ส.ค.ว่า เขาหวังว่าการเจรจาจะเริ่มขึ้นในเดือนหน้า และสักวันหนึ่ง การเจรจานี้อาจนำไปสู่ข้อตกลงเสรีทางการค้ากับสหรัฐ ที่รัฐบาลของเกาะแห่งนี้ใฝ่หามานาน

เติ้งกล่าวว่า หนึ่งในหัวข้อการเจรจาจะเป็นการบีบบังคับทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงการกระทำที่ทางการจีนใช้ในการสกัดกั้นการค้ากับประเทศที่มีข้อพิพาทระหว่างกัน เช่น เมื่อลิทัวเนียอนุญาตให้ไต้หวันเปิดสถานทูตโดยพฤตินัยในเมืองหลวง

“เป้าหมายการบีบบังคับทางเศรษฐกิจของจีนไม่ได้มีเพียงสหรัฐอเมริกาหรือไต้หวันเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับหลายประเทศ และความเสียหายต่อเศรษฐกิจและระเบียบการค้าโลกที่จีนสร้างนั้นใหญ่หลวง” เขากล่าวเสริม
โดยทางการจีนเคยได้ประกาศไว้ว่า จะคัดค้านข้อตกลงริเริ่มทางการค้าระหว่างสหรัฐเเละไต้หวัน “อย่างหนักแน่น”

รายงานข่าวจาก บีบีซี เสริมด้วยว่า เมื่อวันพฤหัสบดี แดเนียล คริเตนบริงค์ เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก กล่าวว่า การบีบบังคับที่เพิ่มมากขึ้นของปักกิ่ง….คุกคามสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน

“เราจะสงบสติอารมณ์ต่อไป แต่ก้าวย่างอย่างแน่วแน่เพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคง ท่ามกลางความพยายามอย่างต่อเนื่องของปักกิ่งที่จะบ่อนทำลายมัน และสร้างความสนับสนุนไต้หวันให้สอดคล้องกับนโยบายที่มีมายาวนานของเรา” แดเนียล คริเตนบริงค์ กล่าว