กำลังซื้อแดนมังกรดีดแรง ตรุษจีนช็อปแหลก-ท่องเที่ยวเงินสะพัด

ตรุษจีน
คอลัมน์​ : Market Move

เทศกาลตรุษจีนปี 2566 นี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่ถูกจับตามองจากธุรกิจทั่วโลกอย่างเข้มข้นแบบไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากตรุษจีนเป็นเทศกาลใหญ่ครั้งแรกหลังการผ่อนคลายมาตรการซีโร่โควิดมานานกว่า 2 ปีนี้ จะเป็นเครื่องสะท้อนถึงพฤติกรรมการจับจ่ายและท่องเที่ยวของผู้บริโภคในแดนมังกรว่ากลับมาหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด

ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวดีว่า ตรุษจีนปีนี้ชาวจีนกลับมาทั้งช็อปปิ้งและท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลจากความอัดอั้นที่สะสมมานานในช่วงล็อกดาวน์

นิกเคอิ เอเชีย รายงานโดยอ้างข้อมูลของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนว่า การจับจ่ายในจีนช่วงตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2566 ซึ่งเป็นวันแรกของเทศกาลตรุษจีนเพิ่มขึ้น 30% เป็น 3.75 แสนล้านหยวน (1.81 ล้านล้านบาท) ส่วนการช็อปสินค้าปลอดภาษีที่เกาะไหหลำเพิ่มขึ้น 20% เป็น 1.68 พันล้านหยวน (8.14 พันล้านบาท)

ขณะเดียวกัน วงการโรงภาพยนตร์มีเม็ดเงินสะพัดเช่นกัน โดยแพลตฟอร์มขายตั๋วหนัง Maoyan เปิดเผยว่า The Wandering Earth 2 หนังเรื่องล่าสุดของดาราดัง “หลิว เต๋อหัว” และภาพยนตร์จีนเรื่องอื่น ๆ ทำยอดขายตั๋วสัปดาห์ล่าสุดรวมกันได้สูงถึง 6.72 พันล้านหยวน (3.24 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากสัปดาห์เดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมียอดขายตั๋ว 6.03 พันล้านหยวน (2.91 หมื่นล้านบาท)

โดยผลวิจัยของ บริษัทวิจัยโอลิเวอร์ ไวด์แมน ชี้ว่า ปี 2566 นี้ผู้บริโภคชาวจีนตั้งใจจับจ่ายในร้านค้าออฟไลน์เป็นหลัก นำโดยซูเปอร์มาร์เก็ต ตามด้วยร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้า

ด้าน บริษัทวิจัยเกรฟคอล ดราโมมิก ระบุในรายงานว่า พฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคชาวจีนฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วหลังการยกเลิกนโยบายซีโร่โควิดเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งการปรับนโยบายนี้เปรียบเสมือนการเปิดทางให้เศรษฐกิจแดนมังกรฟื้นตัวในปีนี้

ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้นคึกคักไม่แพ้กัน เมื่อแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่ได้ออกจากบ้าน-ที่พักเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างของมูลของเว็บไซต์ Trip.com ว่า เพียงช่วง 4 วันแรกของช่วงหยุดยาวตรุษจีน ยอดขายตั๋วของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจีนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่า 5 เท่า ส่วนยอดจองโรงแรมทั่วประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ทำให้ตัวเลขยอดรวมของการขายตั๋วและห้องพักโรงแรมในปีนี้สูงกว่าตรุษจีนปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ไปเรียบร้อยแล้ว

ไม่เพียงการท่องเที่ยวในประเทศที่กลับมาคึกคัก แต่การท่องเที่ยวนอกประเทศยังคึกคักไม่แพ้กัน หลังยอดจองเที่ยวบินไปยังต่างประเทศในช่วง 4 วันแรกเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

“ติง ลู” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ อธิบายว่า ปรากฏการณ์น่าจะเป็นเพราะการผ่อนคลายมาตรการโควิด ทำให้ดีมานด์การท่องเที่ยวที่สะสมมานานถูกปลดปล่อยออกมา โดยชาวจีนต่างพากันออกมาเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ กิจกรรมชมดอกไม้ไฟ ทานอาหารนอกบ้าน และพักผ่อนในโรงแรม

ทั้งนี้ นอกจากการยกเลิกมาตรการแล้ว การฟื้นตัวครั้งนี้ยังเป็นผลงานของหน่วยงานสาธารณสุขจีนที่เดินหน้าเตรียมความพร้อมรับมือกับการเดินทางครั้งใหญ่ในช่วงตรุษจีน ด้วยการเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มสูงวัยทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเดินทางกลับไปเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ของเหล่าคนทำงานในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว

“หวู ซุนยู” หัวหน้านักระบาดวิทยาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน หรือซีดีซีจีนกล่าวว่า ขณะนี้ประชากรจีนกว่า 80% ต่างมีภูมิคุ้มกันจากการเคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูผลลัพธ์รวมของช่วงตรุษจีนอีกครั้ง เนื่องจากตามข้อมูลของกระทรวงคมนาคมจีนที่ระบุว่า แม้ปริมาณการเดินทางต่อวันตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 66 จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 50% แต่ยังน้อยกว่าปี 2562 อยู่มาก

เช่นเดียวกับความเห็นของ “ติง ลู” ที่กล่าวว่าชาวจีนยังระมัดระวังการจับจ่ายสินค้าราคาแพงอยู่ เห็นได้จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นจำนวนลูกค้าในห้างสรรพสินค้า ยอดจองรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังไม่ฟื้นกลับมา โดยยอดขายรถยนต์นั่งช่วงวันที่ 1-15 มกราคม 2566 ลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 3% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลจากการหมดช่วงแคมเปญลดหย่อนภาษีที่จัดมานานกว่า 7 เดือน และผลกระทบจากปัญหาในวงการอสังหาฯ รวมไปถึงบรรยากาศความไม่แน่นอนด้านรายได้

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายรายมองว่า การจับจ่ายสินค้าและบริการต่าง ๆ มีแนวโน้มเป็นบวก เนื่องจากผู้บริโภคจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านมา จากนี้จึงต้องลุ้นว่า หลังบรรดาผู้บริโภคชาวจีนท่องเที่ยวเต็มที่ในช่วงตรุษจีนแล้ว จะยังจับจ่ายกับสินค้าต่าง ๆ มากน้อยเพียงใด