โดมิโนเอฟเฟ็กต์ จาก “เทสลา” ดึงราคา “อีวี” มือสองฮวบทั้งระบบ

เทสล่า
Photo by WANG Zhao / AFP
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ

ต้องยอมรับว่ากระแสของรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) กำลังมาแรง ทุกค่ายรถยนต์ตื่นตัวกันอย่างคึกคักลงสนามนี้ เพราะมันคือแนวโน้มใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายลดโลกร้อนซึ่งเป็นวาระสำคัญระดับโลก อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่มีแต่ด้านดีเพียงด้านเดียว เพราะสิ่งที่ตีคู่กันมาก็คือข่าวคราวของราคารถอีวีที่ตกลงฮวบฮาบอย่างน่าตกใจในเวลาอันสั้นเมื่อนำไปขายต่อ ดูคล้ายจะไม่เป็นไปตามที่ “อีลอน มัสก์” เจ้าพ่อเทสลาเคยทำนายเอาไว้

ย้อนไปเมื่อปี 2019 “อีลอน มัสก์” ได้ประกาศด้วยเสียงอันดังว่า รถเทสลาของเขามูลค่าจะเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ลดลงหลังจากซื้อไปแล้ว เหตุผลก็คือมันเป็นรถที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนขับ เพียงรอการอัพเดตซอฟต์แวร์เพิ่มเติม และรอการอนุญาตจากทางการเท่านั้น ก็จะนำไปใช้บนถนนแบบไร้คนขับได้แล้ว มัสก์ยังกล่าวย้ำประเด็นนี้อีกในเดือนมิถุนายน 2023 โดยบอกว่ารถยนต์ของเขาอาจมีราคาเพิ่มขึ้น 5 เท่าจากวันนี้

แต่ 4 ปีผ่านไป ราคารถเทสลา Model 3 มือสองในปัจจุบันขายในราคาเฉลี่ย 29,000 ดอลลาร์ และใบอนุญาตจากทางการเรื่องรถยนต์ไร้คนขับก็ยังไม่มี เพราะว่าบริษัทกำลังพยายามปรับปรุงซอฟต์แวร์

โดยทั่วไปแล้วรถยนต์ใช้แล้ว ไม่ว่าจะอีวีหรือไม่อีวีราคาจะไม่ปรับขึ้นอยู่แล้ว

แต่สำหรับรถมือสองเทสลามูลค่าลดลงอย่างมากในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะเทสลาดิ้นรนที่จะรักษาความเป็นเจ้าตลาดสำหรับรถอีวีใหม่ของตัวเองด้วยการหั่นราคารถใหม่ลงอย่างมาก เท่ากับว่าเทสลาได้สร้างโดมิโนเอฟเฟ็กต์ในการกดราคารถอีวีของค่ายอื่นลงไปด้วย

ตามข้อมูลของ Cox Automotive ในปี 2020 เทสลามีส่วนแบ่งการตลาดรถอีวีในอเมริกา 80% พอถึงปี 2022 ส่วนแบ่งของเทสลาลดลงเหลือ 64% และลดลงไปอีกในปี 2023 เหลือ 55% เพราะมีคู่แข่งมากขึ้น กดดันให้เทสลาต้องตอบสนองด้วยการหั่นราคาลงแบบบ้าเลือด เพื่อชะลอการสูญเสียส่วนแบ่งตลาด โดยปี 2023 ราคารถใหม่ของเทสลาวูบลงประมาณ 21%

ปีที่แล้ว (2023) ราคารถเทสลา Model 3 ซีดาน มือสอง รุ่นปี 2021 ลดลงราว 29% จากราคา 40,522 ดอลลาร์ ในเดือนมกราคม 2023 เหลือเพียง 28,700 ดอลลาร์ ในเดือนมกราคม 2024 โดยรวมแล้วรถมือสองปี 2021 ทุกประเภทของเทสลาสูญเสียมูลค่าประมาณ 19.5% ในช่วงเวลาดังกล่าว

การลดลงอย่างมากและรวดเร็วของมูลค่าเทสลา เป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้ “เฮิร์ตซ์” (Hertz) ซึ่งเป็นบริษัทรถให้เช่าในสหรัฐอเมริกา ประกาศขายรถอีวี 20,000 คัน หรือราว 1 ใน 3 ของรถอีวีทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อเทสลา โดยช่วงไม่กี่ปีมานี้เฮิร์ตซ์เคยผลักดันครั้งใหญ่ในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาไว้ให้บริการสำหรับกิจการรถเช่า แต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทตัดสินใจ
ประกาศขายรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว เพื่อนำเงินไปซื้อรถยนต์ใช้น้ำมันมากขึ้น เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าทำร้ายฐานะการเงินของบริษัท เพราะถึงแม้ค่าบำรุงรักษาจะถูกกว่ารถใช้น้ำมัน แต่ค่าซ่อมเมื่อเกิดความเสียหายกลับสูงกว่า และราคาขายต่อก็ลดลงมากกว่ารถใช้น้ำมัน

“สตีเฟน เชอร์” ซีอีโอของเฮิร์ตซ์บอกว่า ค่าซ่อมที่เกิดจากการชนของรถอีวีมักจะสูงกว่ารถใช้น้ำมันประมาณ 2 เท่า นอกจากนี้ การที่ราคารถอีวีใหม่ในตลาดลดลงในช่วงปี 2023 ซึ่งมีเทสลาเป็นคนนำในการหั่นราคา ก็ยิ่งทำให้ราคารถอีวีมือสองของบริษัทรถให้เช่าแย่ลงไปอีก

แม้เฮิร์ตซ์จะไม่ได้ชี้นิ้วไปยังเทสลาโดยตรง แต่ในรายงานที่เฮิร์ตซ์แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่าบริษัทคาดว่าจะขาดทุนประมาณ 245 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 12,250 ดอลลาร์ต่อคัน เนื่องจากราคาขายต่อรถอีวีทรุดลง ทั้งนี้ เทสลามีสัดส่วนประมาณ 80% ของรถยนต์ไฟฟ้าอีวีของเฮิร์ตซ์

อีแวน ดรูรี นักวิเคราะห์ราคารถยนต์ของ Edmunds.com กล่าวว่า ราคารถมือสองเทสลาที่ตกต่ำ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์อีวีทั้งหมด “เทสลาไม่ได้โยนแค่ก้อนกรวดลงบ่อน้ำ แต่เขาโยนก้อนหินขนาดใหญ่ลงไปจนเกิดคลื่น ที่ส่งผลสะเทือนไปทั่วตลาดรถอีวีมือสอง”