สุเทพ ดีลลับ ! เกมอำนาจเปลี่ยน

ภาพจากเฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย อิศรินทร์ หนูเมือง

จุดเปลี่ยนเกมการเมือง ถูกเริ่มจากพงศาวดาร กระซิบอีกครั้ง หลังรัฐประหารครบรอบ 4 ปี

เมื่อคนการเมือง “อินไซด์” ล่วงหน้าว่า “สุเทพ เทือกสุบรรณ” มีวงเจรจา “ดีลลับ” กับอำมาตย์ใหม่-บารมีสูง

บรรทัดสุดท้ายของ “ดีลลับ” คือ “หนุน-เอื้อให้บิ๊กตู่เป็นนายกรัฐมนตรี” ด้วยวิธีการ-เครื่องมือไร้รูปแบบ

แต่หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ “สุเทพ” เปิดหน้า ด้วยอาการ “กลับไม่ได้-ไปไม่ถึง”

คีย์เวิร์ดและภาษาการเมือง ที่ “สุเทพ” ส่งสัญญาณ มีทั้งคลุมเครือ-ทั้งชัดเจน เช่น บอกว่าไม่เคยพูดว่าสนับสนุนบิ๊กตู่เป็นนายกรัฐมนตรี “คนต่อไป”

แต่ต้องการให้บิ๊กตู่เป็น “นายกฯประเทศไทยที่สมบูรณ์” (เหมือนกันแทบทุกประโยคกับที่เคยยืนยันไว้ในปีที่แล้ว)

“สุเทพ” ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งจะเป็นไปตามโรดแมป ยกเว้น “มีเหตุสุดวิสัย” แต่ต้องปฏิรูปให้สำเร็จ “ก่อนเลือกตั้ง”

ที่สำคัญ ขณะนี้ “ปฏิรูปยังไม่สำเร็จ”

แถมยังบอกว่าจะไม่ตั้งพรรค กปปส. แต่อีก 48 ชั่วโมงถัดมา “ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” ทนายความส่วนตัวของสุเทพ กับ “จาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์” อดีตเลขาธิการกลุ่มกรีนดำเนินการจดทะเบียนพรรค “รวมพลังประชาชาติไทย” (รปช.)

คล้ายมีข้อเสนอที่ “สุเทพ” ปฏิเสธไม่ได้ กระทั่ง “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” ก็ยังไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอ การตั้งพรรคใหม่

แม้ชั่วโมงแรกที่ถูกทาบทาม จะตั้งแง่ไม่ร่วมวง แต่ “เอนก” ต้องพลิกตัว 360 องศา ใน 3 ชั่วยามถัดมา

“เอนก” ยอมรับเป็น “หัว” ส่วน “สุเทพ” ไม่ปฏิเสธเป็น “กุนซือ” อยู่เบื้องหลัง

หลังการจดทะเบียนพรรคราว 48 ชั่วโมงถัดมา กองกำลังตำรวจจากกองปราบปราม พร้อมหมายศาล เข้าประชิดตัว “พุทธะอิสระ” กองหนุนใหญ่ คสช.

พร้อมกับหมายจับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในวัดดังอีก 4 รูป

ทั้งถูกถอดสมณศักดิ์-ต้องลาสิกขา-จำคุก คนละหลายข้อหา เฉพาะอย่างยิ่งข้อหา “ปลอมพระปรมาภิไธย” ทำให้ “พุทธะอิสระ” ตกที่นั่งยากที่จะดิ้นหลุด

ทั้งจังหวะก้าว จังหวะประชิด ตั้งข้อหาดำเนินคดีดุเดือด ทำให้เสียงเครือข่ายกองหนุน คสช. ดังทะลุไปถึงทำเนียบ

ผ่านไป 2 วัน ทั้งหัวหน้า คสช.-นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้มีอิทธิพลในรัฐบาล ออกประกาศ “คำขอโทษ” ต่ออดีต “พระพุทธะอิสระ”

ราวกับว่าก่อนหน้านั้น 3 วัน ที่เกิดเหตุโกลาหล-กวนเกษียรสมุทร ทั่วทั้งวงการสงฆ์-วงการตำรวจ และการเลี้ยวกลับไปจดทะเบียนพรรคของ “สุเทพ” เป็นเรื่องที่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ไม่รู้เส้นสนกลในมาก่อน

ยิ่งทั้งโฆษกทำเนียบ-โฆษกกลาโหม ออกมาส่งสาร “คำขอโทษ” พร้อมกัน ยิ่งขับเน้นสถานการณ์ให้ชัดขึ้น

สะท้อนให้เห็นว่า มีอำนาจซ้อนอำนาจ ซับซ้อน-ซ่อนกล หลายชั้นเชิง ล้วนมาจากวง “ดีลลับ” สายตรงจากอำมาตย์ใหญ่

ในสนามการเมืองอาจเห็นภาพ “พรรค คสช.” ที่มีไม่น้อยกว่า 1 พรรค จับมือกับนักการเมืองรุ่นใหญ่เป็นพันธมิตร

ทางหนึ่งเหมือนหนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

ทางหนึ่งราวกับมีมือที่มองไม่เห็นเอื้อมไป กร่อนอำนาจ-ตัดกำลังกองหนุนของบิ๊กตู่ และ คสช.

อลหม่านไปทั่วทั้งกระดานการเมือง และวงการพระสงฆ์ดงขมิ้นเดือด

พรรคสุเทพ-เอนก ที่พุ่งตัวเข้าสนาม จึงไม่ใช่ภารกิจผลักดัน “ปฏิรูป” ที่เป็นแค่ “หน้าฉาก”

แต่เมื่อเกมอำนาจเปลี่ยน หลังสุเทพมีวงเจรจา “ดีลลับ”

ภาพที่เห็นไม่ใช่-ที่ใช่ไม่เห็น

นักการเมืองดีดลูกคิดรางแก้ว แล้วบอก “คนคำนวณ มิสู้ฟ้าลิขิต”