ไฮสปีดนับหนึ่งต้องให้ถึงเป้าหมาย

แฟ้มภาพ
บทบรรณาธิการ

การเซ็นสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ ระหว่างกลุ่มกิจการร่วมค้า บจ.เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง และพันธมิตร (CPH) ผู้ชนะการประมูลกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เจ้าของโครงการเมื่อ 24 ตุลาคม 2562 เปิดมิติใหม่ในการพัฒนาประเทศไทยไปอีกก้าวหนึ่ง

นอกจากโครงการนี้จะมีมูลค่าลงทุนสูงเป็นประวัติการณ์ 2.24 แสนล้านบาท และเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชนภายใต้รูปแบบ PPP โครงการแรกที่วงเงินลงทุนสูงสุดแล้ว อีก 5 ปีจากนี้ไปจะพลิกโฉมการเดินทางและการขนส่งระบบรางให้สะดวกรวดเร็วขึ้น สอดรับกับการพัฒนาเศรษฐกิจโมเดลไทยแลนด์ 4.0

เป็นนิมิตหมายที่ดีที่การเจรจาของคู่สัญญา คือ CPH กับการรถไฟฯ ซึ่งยืดเยื้อข้ามปีได้ข้อยุติ และถือฤกษ์ดี 24 ตุลาคมลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการ ไฮสปีด EEC ได้เริ่มต้นนับหนึ่งก่อสร้าง ช่วยหนุนให้การลงทุนและการพัฒนาใน EEC ทั้ง 3 จังหวัดคึกคักมากขึ้น

แม้กว่าไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินจะคืบหน้าเป็นรูปธรรมต้องใช้เวลาอีกระยะ อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนในฐานะผู้รับสัมปทานก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการคงเร่งมือเต็มที่ ให้แผนลงทุนอภิมหาโปรเจ็กต์กว่า 2 แสนล้านบาทเป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้ ให้ได้ประโยชน์สูงสุดในเชิงธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ปิดความเสี่ยงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

การรถไฟฯในฐานะคู่สัญญาและผู้ร่วมทุนจึงต้องเร่งเดินหน้าภารกิจเต็มกำลังความสามารถ ไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ โดยเฉพาะการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างตลอดระยะทาง 220 กิโลเมตร ให้กับ CPH หนึ่งในประเด็นหลักที่ทำให้การเจรจายืดเยื้อต้องไม่เกิดปัญหาซ้ำ

ขณะที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(สกพอ.) กระทรวงคมนาคม มหาดไทย พลังงาน ฯลฯ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนผลักดันก็ต้องสนับสนุนและให้ความร่วมมือตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน รัฐจะได้ไม่ตกเป็นฝ่ายผิดสัญญา

ที่สำคัญคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อกำกับดูแลโครงการนี้โดยเฉพาะต้องทำหน้าที่กำกับดูแล บริหารจัดการ และแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ต้องดำเนินการตามสัญญาและระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด

การก่อสร้างไฮสปีดเทรน EEC การพัฒนพื้นที่การรถไฟฯบริเวณสถานีมักกะสัน-ศรีราชา จะได้มีความคืบหน้า บรรลุเป้าหมาย ไม่สะดุดหยุดลงหรือมีปัญหา สวนทางวันประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ ทำให้ประเทศและเศรษฐกิจในภาพรวมเสียหาย สร้างภาระให้คนรุ่นลูกหลานต้องตามแก้ในวันข้างหน้า