กระหายข่าวดี

Photo : Pixabay

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย พิเชษฐ์ ณ นคร

 

ไม่ทันพ้นหนาว ก็ต้องเตรียมรับร้อนแล้งต้นปีหน้า 2563 ที่น่าจะมาเร็วและรุนแรง

เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งใหญ่เล็กทั่วประเทศลดน้อยลงกว่าที่คาด โดยเฉพาะ 4 เขื่อนหลักที่หล่อเลี้ยงลุ่มเจ้าพระยา อย่างเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ ป่าสักฯ แควน้อยบำรุงแดน ปริมาณน้ำต้นทุนต่ำสุดในรอบหลายปี

22 จังหวัดในที่ราบลุ่มภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล คงเลี่ยงได้ยาก เหนือ อีสานที่ร้อนแล้งซ้ำซาก ปีหน้าน่าจะสาหัสยิ่งกว่า

เหมือนเศรษฐกิจไทยเวลานี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ข่าวร้าย ผสมปนเปกับข่าวไม่ดี แถมนอกประเทศกับในประเทศแทบไม่แตกต่าง

สงครามทางการค้า สงครามเทคโนโลยี ค่าเงิน มีโอกาสปะทุตลอดเวลา ขณะที่ข้อพิพาทขัดแย้งทางการเมืองในหลายภูมิภาคทั่วโลกลามไม่หยุด

บ่อยครั้งสถานการณ์พลิกกลับไปกลับมา คล้าย ๆ สามวันดีสี่วันร้าย หรือขึ้น ๆ ลง ๆ รายวัน ตามอารมณ์ผู้นำมหาอำนาจ

สมกับยุคดิจิทัลที่แม้มีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์ เหมือนอย่างที่ผู้รู้ว่าไว้ ปีที่ผ่านมา ปีนี้ รวมไปถึงปีหน้า เศรษฐกิจโลกยุคไร้พรมแดนจึงป่วนเศรษฐกิจไทยตั้งตัวไม่ติด ตั้งหลักไม่ได้

แม้รัฐบาลพยายามออกมาตรการอัดฉีดรอบแล้วรอบเล่าด้วยการใช้ยาสารพัดขนาน แต่มีทั้งที่ออกฤทธิ์ช้า กับที่ช่วยได้แค่ระยะสั้น เศรษฐกิจทั้งระบบที่มีอาการซึมลึก ชะลอตัวยาวนานหลายปี จึงรักษาไม่หายขาด

โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนแอเปราะบาง สวนทางกับหนี้ภาคครัวเรือนที่พุ่งไม่หยุด ซ้ำเติม คนระดับกลาง ล่าง ย่ำแย่พอ ๆ กันคือมนุษย์เงินเดือนที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง

สภาพตอนนี้ขนาดหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ยังกระเป๋าแฟบ ต้องลดการใช้จ่าย ผลพวงจากปัจจัยทางการเมืองทำให้เงื่อนเวลาที่ต้องเติมเงินถูกขยับออกไป

ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงินรวม 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ประกาศบังคับใช้อย่างเป็นทางการต้นปีหน้า

ส่งผลให้เงินที่จะหมุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจล่าช้าออกไป ขณะที่นักธุรกิจ นักลงทุน ยังท่องคาถาเดิม ๆ ไม่ชัวร์ ไม่เชื่อมั่น

ล่าสุด ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค แบงก์ชาติ ดอน นาครทรรพ ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีนี้มีโอกาสเติบโต จากแรงกระตุ้นมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ยังห่วงว่าการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นเพราะดึงความต้องการในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า

ก่อนจะย้ำว่าเริ่มเห็นสัญญาณบวกในการส่งออกสินค้าบางหมวด ภาคการส่งออกจึงน่าจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้าย

เพียงแต่ยังต้องติดตามผลการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน 15 ธ.ค.นี้ หากจบลงได้ด้วยดีก็จะช่วยหนุนให้การส่งออกขยายตัวได้เพิ่ม ส่วนภาคท่องเที่ยวยังเป็นความหวัง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ซึ่งจะสร้างรายได้ หนุนเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจปี 2563 แนวโน้มที่จะไถลลงต่ำกว่าที่ผ่านมามีโอกาสน้อยมาก แต่จะปรับตัวดีขึ้นแค่ไหน ต้องรอดูต้นทุนที่ต้องเก็บตุนในปีนี้ว่า จีดีพีตลอดทั้งปีจะโตได้ถึง 2.6% ตามที่แบงก์ชาติประมาณการล่าสุดหรือไม่

ทั้งหมดนี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งสุดท้ายปีนี้ วันที่ 18 ธ.ค. จะเคาะอีกครั้ง

ท่ามกลางข่าวร้ายที่ทะลักเข้ามาไม่หยุด ปีนี้ปีหน้า คนไทยจึงต้องช่วยกันปลุกขวัญกำลังใจ และยอมรับสภาพความเป็นจริง

ทางเลือกหนึ่งที่ทำได้ คือ การมองโลกในแง่ดี คิดบวก มองบวก อยู่อย่างมีความหวัง ก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ แม้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะยังอยู่อีกไกล และไม่รู้เมื่อไหร่ข่าวดีที่ทุกคนกระหายจะเสิร์ฟถึงมือ…