เศรษฐกิจติดหวัด

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย พิเชษฐ์ ณ นคร

 

ปีแล้วปีเล่าเศรษฐกิจเหมือนจะดีขึ้น แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นไปตามคาด คนไทยเลยคอตกซ้ำ ๆ เพราะเจ็บแล้วไม่ยอมจำสักที

อย่างปีนี้ไม่ทันถึงตรุษจีน หนูทองก็แปลงร่างกลายเป็นหนูไฟ จู่ ๆ พิษไวรัสโรคปอดอักเสบโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ก็ขย่มโลกแบบไม่ทันตั้งตัว

จุดเริ่มต้นอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ ในจีน แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แค่ไม่กี่วันผู้ป่วยที่ติดเชื้อกระจายไปไกลถึง 27 ประเทศ ถึงขณะนี้เสียชีวิตกว่า 400 รายแล้ว ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงกว่า 2 หมื่นราย

ไทยเองก็เจอแจ็กพอตไม่น้อย เพราะเวลานี้นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นลูกค้ารายสำคัญ แต่ละปีเดินทางเข้ามาช็อป กิน เที่ยวในประเทศไทยกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องมหาศาล

แต่หลังทางการจีนประกาศให้ธุรกิจท่องเที่ยว บริษัททัวร์ยกเลิกการเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อสกัดกั้นโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 ตั้งแต่ต้นทาง ธุรกิจนำเที่ยว สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ เลยได้รับผลกระทบต่อเนื่องเป็นโดมิโน แถมมาเร็วและรุนแรงอีกต่างหาก

ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดเข้ามาในไทยก็มาจากผู้ป่วยที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น แต่โชคดีอยู่บ้างที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ไหวตัวทัน เตรียมมาตรการควบคุมป้องกันล่วงหน้า

แม้ยังต้องจับตาและเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ฝีมือความสามารถของแพทย์ ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ของไทย บวกกับมาตรฐานระบบสาธารณสุขที่ได้รับการยอมรับ ทำให้พอมั่นใจได้ว่าทางการไทยน่าจะคุมสถานการณ์โรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ไม่ให้ลุกลามในวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม ที่น่าห่วง เพราะนับวันอาการยิ่งทรุดลง ๆ ดูท่าว่าจะเอาไม่อยู่ คือ เศรษฐกิจที่ติดล็อกหลายชั้น โอกาสจะถอดสลักยังมองไม่เห็น แถมมีปัญหาทั้งขาจร ขาประจำรุมกระหน่ำ

ภายในประเทศ นอกประเทศหันไปทางไหนมีแต่ปัจจัยลบ รายได้หลักจากภาคการส่งออกสะดุด เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามทางการค้า เศรษฐกิจรากหญ้าโด๊ปเท่าไหร่ก็ยังฟุบไม่ฟื้น

เศรษฐี คนระดับบนไม่สะเทือน แต่คนระดับล่าง มนุษย์เงินเดือนย่ำแย่ลง สารพัดมาตรการที่รัฐบาลอัดฉีดช่วยได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่กี่วันก็หมดกระเป๋า เพราะราคาข้าวของมีแต่ขยับขึ้น ไม่มีขาลง สวนทางกับราคาสินค้าเกษตร ค่าแรงขั้นต่ำที่ทรงกับทรุด กำลังซื้อชาวบ้าน คนหาเช้ากินค่ำเลยเป็นเหมือนโรคที่ดื้อยา ปีนี้เจอร้อนแล้งซ้ำซากจะยิ่งโคม่า

จากรัฐบาล คสช.ผลัดใบมาเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เวลาผ่านไปกว่าครึ่งปี เศรษฐกิจ ปากท้องยังมีปัญหาไม่ต่างกัน ไม่รู้ต้องทนรอให้นักการเมืองแสดงฝีมือผลงานอีกนานแค่ไหน ไม่แปลกที่รัฐมนตรีหลายกระทรวงจะโดนชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ในทำนอง ฝีมือสู้ฝีปากตอนตระเวนหาเสียงเลือกตั้งไม่ได้ ยังห่างชั้นกันลิบ

ปีนี้มหันตภัยไวรัสอู่ฮั่นพ่นพิษแต่หัววัน ภาคการท่องเที่ยวและบริการทั้งระบบได้รับผลกระทบแบบตั้งตัวไม่ติดเนื่องจากเชื้อไวรัสปอดอักเสบโคโรน่า 2019 แพร่ระบาดรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งหลายปีที่ผ่านมานิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยสูงเป็นอันดับหนึ่งลดวูบลงทันที

ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ เมืองพัทยา ฯลฯ เจอไวรัสสายพันธุ์ใหม่ฟาดหางถ้วนหน้า แม้รัฐบาล ภาคการท่องเที่ยวจะรวมพลังกันรับมือเต็มที่ แต่รายได้ที่เข้าประเทศหลัก 5-6 แสนล้านบาทจากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งจะหดหายไปบางส่วน

นี่ไม่รวมรายได้จากนักท่องเที่ยวชาติอื่นทั่วโลกที่พากันชะลอการท่องเที่ยวการเดินทางเพราะผวาไวรัส

น่าห่วงเศรษฐกิจไทยที่เวลานี้สารพัดปัญหารุมอยู่แล้ว จู่ๆ มาติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นสายพันธุ์ใหม่อีกโรค งานนี้ไม่รีบฉีดวัคซีนชนิดพิเศษ ท่าจะเอาไม่อยู่...