เร่งทบทวนมาตรการคุมผับ บาร์ คาราโอเกะ

ผับบาร์
บทบรรณาธิการ

ความฝันของรัฐบาลที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว-นักธุรกิจ ในวันที่ 1 กรกฎาคม ดูจะพังทลายหายไปแค่ชั่วพริบตา เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศ เพียงสัปดาห์เดียวพุ่งพรวดขึ้นไปเกือบ 2,000 คน ส่งผลให้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 30,869 คน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 96 คน

การระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบนี้นับเป็นการระบาดต่อเนื่องจากตลาดค้ากุ้งมหาชัย กระทั่งถึงปัจจุบันยังพบผู้ติดเชื้อได้ทุกวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดที่มหาชัยได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

สะท้อนให้เห็นว่า มาตรการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 ที่ใช้กันอยู่นั้น มีข้อบกพร่อง มีช่องโหว่เกิดขึ้น

การปรากฏขึ้นของ “วัคซีน” ซึ่งเป็นความหวังที่จะหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่เริ่มฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ นักการเมือง ข้าราชการประจำ ตลอดจนประชาชนกลุ่มเสี่ยงในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็มีอัตราครอบคลุมจำนวนประชากรเพียงน้อยนิด

ประกอบกับวัคซีนแอสตราเซนเนก้า ที่กระทรวงสาธารณสุขเลือกเป็นวัคซีนหลัก จำนวน 61 ล้านโดสจะเริ่มทำการส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปจะครอบคลุมจำนวนประชากรเพียงครึ่งหนึ่งของประเทศ

นั่นหมายความว่านับจากปัจจุบันไปจนกระทั่งสิ้นปี 2564 ประเทศไทยยังมี “ความเสี่ยง” อย่างมากต่อการแพร่ระบาดเพราะจำนวนวัคซีนไม่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่

จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดครั้งล่าสุดที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อ และลุกลามไปยังจังหวัดอื่น ๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น

มีข้อสังเกตว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นบุคคลระดับชั้นนำของประเทศหรือเกี่ยวพันกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ แตกต่างไปจากการระบาดใหญ่ที่ มหาชัย ที่อยู่ในหมู่ผู้ใช้แรงงาน

โดยการระบาดรอบนี้กำลังสั่นคลอนความเชื่อมั่นในมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ในสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ การจัดงานที่มีผู้คนมารวมตัวกันมาก ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองผู้เข้ามาใช้บริการและให้บริการ การรักษาระยะห่าง การสวมใส่หน้ากาก การจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ แท้จริงแล้วมีใครดำเนินการหรือใส่ใจในมาตรการเหล่านี้หรือไม่ เพียงใด

จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ผู้รับผิดชอบโดยตรง จะต้องเร่ง “ทบทวน” มาตรการคุมเข้มสถานบริการต่าง ๆ การสร้างจิตสำนึกของผู้เข้ามาใช้บริการ

ตลอดจนถึง “ความจำเป็น” ที่จะต้องปิดสถานบริการเหล่านั้น ในฐานะแหล่งที่มีการแพร่เชื้อสูงสุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อปิดความเสี่ยงในการกระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระหว่างที่รอการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกับประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ