“ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” 7 วัน เอาอยู่ “สายพันธ์ุอินเดีย” ?

ชั้น 5 ประชาชาติ

กฤษณา ไพฑูรย์

 

ได้มีโอกาสคุยกับผู้ประกอบการโรงแรมระดับ 3 ดาว 4 ดาว จาก 3 แหล่งท่องเที่ยวหลัก ภูเก็ต พัทยา จ.ชลบุรี รวมถึงเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ประชาชนส่วนใหญ่อาศัยรายได้จากการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวเป็นหลัก

ทุกคนบอกคำเดียวว่า ตอนนี้ “เมืองร้างมาก” หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3

ยิ่งยอดตัวเลขการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราการป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และอัตราการตายที่เพิ่มขึ้นในคนทุกเพศทุกวัย ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว

“อารมณ์” ของผู้คนที่จะขับรถหรือบินไปพักผ่อนท่องเที่ยวยามนี้ “ไม่มี”

ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวอีกส่วนหนึ่งพยายามผลักดันให้รัฐบาล “เปิดประเทศ” เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว

โดยบอกว่า ต่างชาติเห็นยอดตัวเลขการติดเชื้อโควิดในไทยแล้ว ถือว่า “น้อยมาก” เมื่อเทียบกับยุโรป หรือในบ้านเมืองเขา นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้กังวลใจอะไร

โดยเฉพาะ “ภูเก็ต” จังหวัดหลักที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการขอ “นำร่อง” เป็นจังหวัดแรกในการ “เปิดเกาะ” รับต่างชาติ ได้ตอกย้ำให้รัฐบาลเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนว่า

หากรัฐบาลจัดสรรวัคซีนกว่า 9 แสนโดส มาฉีดให้ประชาชน 4 แสนกว่าคนในภูเก็ตได้ครบ 2 เข็ม ตามแผน “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ที่วางไว้ สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ 70% ภูเก็ตพร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 “โดยกักตัวอยู่ในภูเก็ต 7 วัน”

โดย “ก้องศักดิ์ คู่พงศกร” นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ยืนยันว่า มีบริษัทนำเที่ยวหลายประเทศสนใจจะส่งลูกค้ามาเที่ยวภูเก็ต โดยเฉพาะตลาดหลักลูกค้าประจำอย่าง “เยอรมนี” มีบริษัทรายใหญ่แจ้งนำ “ชาร์เตอร์ไฟลต์” จำนวน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เข้ามา โดยจะเริ่มบินในวันที่ 10 ตุลาคม 2564 รวมถึงกลุ่มประเทศแถบสแกนดิเนเวีย

การผลักดันดังกล่าวได้รับการขานรับจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมกับการผลักดันให้จังหวัดท่องเที่ยวหลักอีก 9 แห่ง เตรียมเปิดรับต่างชาติได้ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ได้แก่ กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า), เชียงใหม่, ชลบุรี (เฉพาะพัทยา), กทม., เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ และบุรีรัมย์

ขณะที่ “เกาะสมุย” ทางด้าน “รัชชพร พูลสวัสดิ์” นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย บอกว่า อยากผลักดันให้มีการเปิดรับต่างชาติให้ได้วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 พร้อมภูเก็ต ในลักษณะการจัดทำแผนเส้นทางท่องเที่ยวระบบปิด (Samui Sealed Route Model) ตอนนี้มีโรงแรมพร้อมเข้าร่วม 10 แห่ง เพียงขอให้รัฐบาลจัดสรรวัคซีนมาให้ และได้ประสานกับผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส พร้อมที่จะนำนักท่องเที่ยวจากประเทศสิงคโปร์มายังเกาะสมุย

ขณะที่ประเทศไทยนับถอยหลังอีกเพียง 39 วัน ในการเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในอีกฟากของโลกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีนให้ประชากรมากที่สุดประเทศหนึ่งกำลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอก 4 จากไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ ที่แพร่ระบาดง่าย และรวดเร็วอย่างที่ในประเทศไทยกำลังเผชิญ หลังจากหลายเมืองในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการ

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น “สิงคโปร์” ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนไปพอสมควร กำลังเกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่เช่นเดียวกัน ที่สำคัญ ได้ตรวจพบไวรัสโควิด “สายพันธุ์อินเดีย” หรือ B.1.617 ที่ทั่วโลกกำลังจับตา ซึ่งรัฐมนตรีสาธารณสุขของสิงคโปร์เองยังกังวลว่า จะเกิดการระบาดรุนแรง และรวดเร็ว

กรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ได้กล่าวในการแถลงข่าวว่า ประเทศสิงคโปร์มีการพบคลัสเตอร์สายพันธุ์อินเดีย ในคลัสเตอร์สนามบินชางฮี ติดเชื้อมากกว่า 50 คน และ รพ.อีก 44 คน ต้องมีมาตรการล็อกดาวน์วันที่ 16 พ.ค. ถึง 13 มิ.ย. 2564

จากเดิมสิงคโปร์กับฮ่องกง จะมีโครงการ “แอร์แทรเวลบับเบิล” (Air Travel Bubble-ATB) เดินทางระหว่าง 2 ประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ต้องเลื่อนออกไป จากตอนแรกจะเริ่มโครงการเดือนพฤศจิกายน 2563 แต่โควิด-19 ระบาดที่ฮ่องกงเสีย จึงเลื่อนออกไปเป็น 26 พฤษภาคม 2564 และต้องเลื่อนอีกครั้ง

“ส่วนประเทศไทยได้มีการตรวจพบโควิดสายพันธุ์อินเดีย จาก ‘วิศวกรชาวโปแลนด์’ เข้ามากับเรือที่รับงานแท่นขุดเจาะพื้นที่อ่าวไทย นำเข้ารักษาใน รพ.เอกชน ในจังหวัดสงขลาแล้ว” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

ดังนั้น โครงการ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ที่วางแผนเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 อาจจะต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบทางด้านสาธารณสุขอีกครั้งหรือไม่ อย่างไร

เพราะองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โควิด-19 สายพันธุ์ที่ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย ได้แพร่กระจายไปอย่างน้อย 20 ประเทศทั่วโลกแล้ว