DITTO ผนึก 14 ชุมชนกระบี่-พังงา ปลูกป่าชายเลนเพิ่มกว่า 2.6 หมื่นไร่ รวมพื้นที่ปลูกป่าทะลุ 4.8 หมื่นไร่ ตุนคาร์บอนเครดิตแตะ 5 แสนตันต่อปี ผู้นำชุมชนหนุนเต็มที่ ระบุโครงการดีช่วยให้มีงบฯดูแลรักษาป่า
วันที่ 13 มีนาคม 2566 นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้อนุมัติให้ บริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด บริษัทย่อยของ DITTO และชุมชน เข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตสำหรับชุมชนประจำปี 2566 ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 14 ชุมชนเนื้อที่รวม 26,508-2-22 ไร่ ระยะเวลา 30 ปี
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
- “พลังงานไฮโดรเจน” ถูกกว่าน้ำมัน 60% ไทยเริ่มศึกษาแต่ เยอรมัน กำลังจะเลิกใช้
สำหรับ 14 ชุมชนประกอบด้วยชุมชนบ้านเขาล่อม บ้านไหนหนัง บ้านท่าทองหลาง บ้านคลองยาง บ้านโคกยูง บ้านน้ำร้อนและบ้านท่าประดู่ จังหวัดกระบี่ จำนวน 7 ชุมชนเนื้อที่ 9,629,-0-15 ไร่ และชุมชนบ้านท่าสนุก บ้านกลาง บ้านทุ่งรัก บ้านบางพัฒน์ บ้านเกาะเคี่ยม บ้านใต้ และบ้านเกาะไม้ไผ่ จังหวัดพังงา 7 ชุมชนจำนวน 16,879-2-07 ไร่
นายฐกรกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อรวมกับพื้นที่ที่บริษัท ได้รับอนุมัติเข้าร่วมเป็นผู้พัฒนาในโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในปีที่แล้วจำนวน 21,658.19 ไร่ กับพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติเพิ่มในปีนี้ ทำให้บริษัทได้รับจัดสรรรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 48,166.75 ไร่
พื้นที่ทั้งหมดเป็นป่าชายเลนถือว่าเป็นป่าที่สร้างระบบนิเวศทั้งดูดซับ กักเก็บ ปล่อยออกซิเจนรวมถึงเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ป่าชายเลนจึงได้ชื่อว่า Blue carbon ปัจจุบันหลักเกณฑ์การวัดคาร์บอนเครดิตสำหรับป่าชายเลนเบื้องต้น สูงถึง 9.4 ตันต่อไร่ต่อปี
หากรวมพื้นที่ที่ได้รับปัจจุบันจะได้คาร์บอนเครดิต ราว ๆ 500,000 ตันต่อปี และราคาคาร์บอนเครดิตจากป่าชายเลนมีราคาแพงกว่าคาร์บอนเครดิตที่ได้จากป่าบก ปัจจุบันราคาที่ซื้อขายในยุโรป 97 ยูโร หรือ 3,500 บาทต่อตันคาร์บอน โดยเป้าหมายในการปลูกและดูแลป่าชายเลนยังอยู่ที่ 1 แสนไร่เพื่อเป้าหมายคาร์บอนเครดิต 1 ล้านตันต่อปี
นายฐกรกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ภาครัฐกำลังออก พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้มีผลเป็นภาคบังคับ (ปัจจุบันยังเป็นภาคสมัครใจ) เนื่องจากนานาชาติทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้มีการบังคับใช้ภาษีคาร์บอนกับประเทศคู่ค้าซึ่งผู้ส่งออกสินค้าของไทยที่ส่งไปอียูและสหรัฐจะต้องเตรียมรับมือ
“พื้นที่ป่าชายเลนของชุมชนนั้นเป็นป่าที่คนในชุมชนดูแลอยู่ก่อนแล้วจึงไม่ต้องปลูกใหม่ แต่ที่ผ่านมาอาจจะขาดองค์ความรู้ และงบประมาณไม่เพียงพอ การที่ DITTO เข้ามาร่วมมือและให้การสนับสนุน จะทำให้การดูแลรักษาป่ามีความเข้มแข็ง คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีระบบนิเวศที่ดีเพื่อให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน
โดยให้ชุมชนและชาวบ้านยังสามารถเข้ามาประกอบอาชีพและดำรงชีพในพื้นที่ป่าชายเลนได้ปกติเหมือนเดิม นอกจากนี้ DITTO ยังสนับสนุนทุนให้กับชุมชนไปพัฒนาท้องถิ่น และทุนการศึกษากับเด็ก ที่สำคัญชุมชนยังมีรายได้จากคาร์บอนเครดิตที่ได้จากป่าชายเลน สำหรับดูแลชุมชนอีกด้วย” ฐกรกล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายสุธีร์ ปานขวัญ ประธานชุมชนบ้านไหนหนัง จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาให้การสนับสนุนชุมชนในการดูแลรักษาป่าชายเลนเป็นเรื่องที่ดี ที่ผ่านมาชุมชนบ้านไหนหนัง มีกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ชุมชนมาโดยตลอด แต่มีข้อด้อยในเรื่องงบประมาณทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ เวลาที่ต้องเข้ามาดูแลป่าชุมชน จะต้องมีงบประมาณสนับสนุน
เช่น การลาดตระเวน การดูแลรักษาเครื่องยนต์เรือ หรืออาจจะซื้อเรือเป็นของชุมชนเพื่อดูแลรักษาป่าต่อไป ซึ่งการที่เอกชนที่มีความชำนาญมีความรู้เข้ามาช่วยดูแลรักษาป่าจะทำให้ป่ามีความอุดมสมบูรณ์ ช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลนและการบริหารจัดการมีระบบมากขึ้น
ขณะที่ กำนันสุชาติ มิตตุลาคาร ประธานชุมชนบ้านทุ่งรัก จังหวัดพังงา กล่าวว่า โครงการนี้ชาวบ้านได้ประโยชน์ ทุกคนเห็นว่าเป็นโครงการเหมาะสมป่าจะได้สมบูรณ์ เป็นพื้นที่พักอาศัยของสัตว์น้ำ ซึ่งชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพประมง จะได้มีแหล่งทำมาหากินและจะทำให้ได้ระบบนิเวศที่ดี