ตลาดประกันภัยของประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไปสู่ระบบออนไลน์อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการเติบโต และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นดิจิทัลรายใหม่เข้ามามากขึ้น โดยหนึ่งในนั้นคือ “แรบบิท แคร์” ในเครือ BTS group
ปัจจุบันแรบบิท แคร์ เป็นโบรกเกอร์ประกันภัยออนไลน์ดำเนินธุรกิจครอบคลุม 6 กลุ่ม ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์, ประกันสุขภาพ, ประกันชีวิต, ประกันภัยอื่น ๆ, ประกันภัยองค์กร และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจมากกว่า 70 ราย สำนักงาน 4 แห่ง และพนักงานกว่า 760 คน
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“ไมเคิล มันเฟรด สไตรเบิล” ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร และผู้บริหารครอบครัว หรือ CFO (Chief Family Officer) ของบริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด กล่าวถึงมุมมองการบริหารแบรนด์เพื่อก้าวสู่เป้าหมายอันดับหนึ่งด้านการให้คำปรึกษาการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกัน และการเงินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล และระบบแคร์เซ็นเตอร์
รวมถึงวิสัยทัศน์การบริหารคนที่เป็นกำลังสำคัญของธุรกิจ ทั้งนี้เขาเคยผ่านประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งที่สำคัญ ๆ มาก่อนมากมาย อาทิ รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศที่ Rocket Internet และรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจที่ลาซาด้า ประเทศไทย
“ไมเคิล มันเฟรด สไตรเบิล” กล่าวว่า วัฒนธรรมองค์กรของแรบบิท แคร์ (Care Value) ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ
- ครบครัน (comprehensive) พร้อมเข้าใจทุกความต้องการ และให้คำปรึกษาที่ตอบโจทย์
- รวดเร็ว (agile) ปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ และพร้อมริเริ่มนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ,
- ความรับผิดชอบ (responsible) สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า พันธมิตร และพนักงาน
- เรียบง่าย (effortless) ลดความซับซ้อน และทำให้การใช้งานผ่านแพลตฟอร์มของแรบบิท แคร์ เป็นเรื่องง่าย
แรบบิท แคร์ ให้ความสำคัญกับเรื่องความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นจากมุมมองที่แตกต่างกัน และการมีทีมงานที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรม เพราะจะช่วยสร้างวิธีการทำงานที่เปิดกว้าง และทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันในหลายประเด็น
เช่น ความคุ้นเคยกับตลาด และอุตสาหกรรมที่หลากหลาย, รู้เทรนด์ระดับนานาชาติในด้านการตลาดและไอที เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างสายงาน และความเข้าใจในสภาพแวดล้อมการทำงานที่แตกต่างกัน เป็นต้น
“บริษัทเรามีพนักงาน 760 คน มาจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส, ฟิลิปปินส์, เนปาล, อินเดีย, ปากีสถาน, เมียนมา, กัมพูชา, ออสเตรเลีย และแคนาดา นอกจากนั้น ทีมผู้บริหารของเรามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เปิดรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกในทีมทุกระดับ เราส่งเสริมแนวทางการตอบรับฟังความคิดเห็นจากล่างขึ้นบน และใช้ความคิดเห็นเหล่านี้สร้างความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและพัฒนาบุคลากร”
การบริหารคนที่แรบบิท แคร์ ค่อนข้างโดดเด่น และแตกต่างจากที่อื่น เพราะมีตำแหน่ง Chief Family Officer (CFO) หรือผู้บริหารครอบครัวในองค์กร ซึ่งสมาชิกครอบครัวนี้คือพนักงานนั่นเอง
“ในฐานะที่ผมควบตำแหน่ง CEO และ CFO ทั้งสองบทบาทมีสิ่งสำคัญอย่างเดียวกันคือความห่วงใยต่อการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิกในองค์กร และช่วยดึงสิ่งดีที่สุดของทุกคนออกมา ปฏิบัติต่อกันเหมือนครอบครัว ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เข้าใจว่าทุกคนมีความรับผิดชอบเรื่องส่วนตัวที่ต้องให้เวลาพวกเขา และที่สำคัญคือสนับสนุนซึ่งกันและกัน”
“ไมเคิล มันเฟรด สไตรเบิล” กล่าวต่อว่า ทีมผู้บริหารของแรบบิท แคร์ จะประชุมโต๊ะกลมเป็นประจำ ทั้งยังมีการพบปะแบบตัวต่อตัวกับทีม สนับสนุนการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย และตรงไปตรงมา เพราะเราต้องให้มีฟีดแบ็กหรือข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้มีการปรับปรุงรูปแบบการทำงาน วัฒนธรรม ตลอดจนเรียนรู้ และแบ่งปันแนวทางปฏิบัติดีที่สุดในแผนกต่าง ๆ ได้
ขณะที่ทีมผู้บริหารไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่เข้ามาบริหารจัดการเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่ให้คำแนะนำด้านการทำงาน เป็นไลฟ์โค้ช ช่วยเหลือครอบครัวของพนักงานด้วยหากจำเป็น
เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทเปิดตัวโครงการสินเชื่อสำหรับพนักงานของแรบบิท แคร์ โดยร่วมกับพันธมิตรของบริษัทในการให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับการดูแลสวัสดิภาพของพนักงาน ทั้งด้านความปลอดภัย โดยมีประกันกลุ่มแบบองค์กรให้พนักงาน มีสมัครสมาชิกฟิตเนสให้ เพื่อดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
ทั้งยังจัดกิจกรรมเพื่อชุมชน เพื่อสร้างทัศนคติจิตอาสาในองค์กร และเมื่อไม่นานมานี้แรบบิท แคร์ เพิ่งปรับเปลี่ยนข้อเสนอ Employee Value Proposition (EVP) หรือสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ของพนักงานในองค์กร ด้วยการเพิ่มสวัสดิการใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดในวันเกิด, รางวัล และของขวัญประจำปีจากการทำงาน, แฮปปี้ฟรายเดย์-เซสชั่นการทำงานร่วมกันเป็นทีมประจำเดือน และสิทธิวันหยุดประจำปีเพิ่มเติม
ที่สำคัญ ในช่วงมีการระบาดของโควิด-19 บริษัทเพิ่มการมีส่วนร่วมของทีมงานที่ทำงานจากที่บ้าน ด้วยการจัดประชุมทาวน์ฮอลล์ทุกเดือน และจัด virtual lunch หรือการร่วมรับประทานอาหารร่วมกันทางออนไลน์ โดยแรบบิท แคร์ จะมอบบัตรกำนัล Grab Food ให้ผู้เข้าร่วมแต่ละคน อีกทั้งทางทีมผู้บริหารยังมีโอกาสร่วมฉลองวันหยุดสำคัญกับทีมแรบบิท แคร์ โดยล่าสุดเราฉลองตรุษจีน และจะจัดงานสงกรานต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับทีมด้วย
“เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาและรักษาทีมให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมให้มีผู้นำรุ่นต่อไปของแรบบิท แคร์ ผ่านโปรแกรมการพัฒนาเชิงลึก โดยมีการวางแผนเส้นทางอาชีพ และการส่งมอบงานต่อ โดยทีมผู้บริหารของแรบบิท แคร์ จัดการโค้ช หรือฝึกอบรมเรื่องความเป็นผู้นำแบบตัวต่อตัวเป็นประจำ และเราจัดการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอในด้านต่าง ๆ ทั้งในเรื่องการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ, การพัฒนาไหวพริบทางธุรกิจ และการโค้ช”
“ไมเคิล มันเฟรด สไตรเบิล” กล่าวอีกว่า แรบบิท แคร์ มีโครงการพัฒนาด้านความเป็นผู้นำ โดยโปรแกรมนี้มุ่งเน้นการสร้างผู้นำรุ่นต่อไป ซึ่งใช้ระยะเวลา 12 เดือน โฟกัสที่บุคลิกความเป็นผู้นำ และความสามารถด้านต่าง ๆ ได้แก่ การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ, การจัดการประสิทธิภาพในการทำงาน, การพัฒนาทีมงานแบบมืออาชีพ, การจัดการทีมงาน, การทำงานร่วมกัน-ความเป็นผู้นำที่มีความครอบคลุม, ความเป็นเจ้าของและการมีความรับผิดชอบ รวมถึงการวางแผนและการดำเนินงาน
สำหรับคุณสมบัติเด่นของพนักงานผู้เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านประกันที่จะประสบความสำเร็จ “ไมเคิล มันเฟรด สไตรเบิล” มองว่าควรมีทัศนคติดังนี้
หนึ่ง ความรู้คือพลัง : มีกรอบการเรียนรู้ และการพัฒนาที่ครอบคลุมทั่วทุกส่วนของการทำงาน รวมถึงการมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ และกฎหมาย
สอง เข้าใจลูกค้า : สามารถระบุความต้องการของลูกค้า และมีวิธีการนำเสนอความต้องการเหล่านี้แก่ลูกค้าด้วยวิธีคุ้มค่าที่สุด ซึ่งทีมงาน Rabbit Care Academy จะมีประชุมการฝึกอบรมการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ (Continuing Professional Development-CPD) อย่างต่อเนื่อง ที่ช่วยให้พวกเขามีทักษะเหล่านี้
สาม มีใจรัก และกระตือรือร้น : ทีมจัดหาบุคลากรของเราโฟกัสที่การดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูงจากหลากหลายอุตสาหกรรม เชื่อว่าการมีใจรัก และความกระตือรือร้นในผลิตภัณฑ์ และบริการเป็นคุณลักษณะสำคัญสำหรับตัวแทนขายที่ประสบความสำเร็จ
จนทำให้ “แรบบิท แคร์” โดดเด่นอย่างยิ่งในการบริหาร “คน” และ “องค์กร”