เฉลิมชัย มหากิจศิริ ทายาทหมื่นล้าน ผู้มีแนวคิดการทำงานตรงข้ามกับพ่ออย่างชัดเจน

รุ่งนภา พิมมะศรี : เรื่อง

กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ นักธุรกิจหนุ่มทายาทหมื่นล้านแห่งอาณาจักร “เนสกาแฟ” เป็นคนหนึ่งที่ผ่านประสบการณ์การทำงานมาแล้วหลายวงการ ทั้งธุรกิจ บันเทิง การเมือง หลายปีมานี้ เขาหันมามุ่งมั่นทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังลงทุนทำธุรกิจที่หลากหลาย และยังชื่นชอบในความหลากหลายไม่เปลี่ยน ขณะเดียวกันกับที่ทำธุรกิจงานยุ่งมากมาย ชื่อของเขาก็ไม่ห่างหายจากพื้นที่ข่าวบันเทิงเลย เพราะมีข่าวกับนางเอกสาวอยู่เรื่อยมา แม้กระทั่งช่วงที่โสดก็ยังมีข่าวว่าจีบ หรือคุยกับนางเอกคนไหนอยู่ ด้วยความฮอตไม่เคยตกกระแส “ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” จึงอยากชวนหนุ่มฮอตคนนี้มาคุยเปิดใจกันแบบผ่อนคลาย ๆ

เริ่มจากอัพเดตการงานความรับผิดชอบล่าสุด เจ้าตัวบอกว่า “ทำเยอะจนไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่บ้าง” ก่อนจะไล่เรียงให้ฟังว่า มีหน้าที่รับผิดชอบในบริษัทไหนบ้าง เริ่มจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นซีอีโอของบริษัท TTA ที่ทำเรื่องการเดินเรือ และ TTA ถือหุ้นบริษัทลูกอีกหลายบริษัท ทั้ง UMS ทำธุรกิจถ่านหิน, PMTA ทำธุรกิจปุ๋ย, Pizza Hut, สยาม ทาโก้ ที่เพิ่งเปิดตัวแบรนด์ทาโก้ เบลล์ ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในตลาด คือ บริษัท เนเชอรัล เบฟ จำกัด ทำแบรนด์สารสกัดลำไย P80, ธุรกิจบันเทิง บริษัท 411 Entertainment จัดคอนเสิร์ตเกาหลี นอกจากนั้นมีการลงทุนในดิจิทัลสเปซต่าง ๆ ช่วยสตาร์ตอัพหน้าใหม่ และทำสนามกอล์ฟ

ทำธุรกิจหลายอย่างขนาดนี้ ถามว่าอันไหนที่รู้สึกว่าเชื่อมโยงกับความชอบหรือตัวตนของตัวเองมากที่สุด กึ้งบอกว่า “การลงทุนที่เราลงทุนในหลากหลายธุรกิจ เรามีส่วนร่วมทางความคิด โดยให้ไอเดียเขา ให้บิสซิเนสแพลน และดูไอเดียการเงินของเขา ผมว่ามันคล้ายกับการใช้ชีวิต เพราะทุกชีวิตมันต้องมีการวางแผน ซึ่งการเดินทางของแต่ละบริษัทมันไม่เหมือนกัน ก็ทำให้เราได้เรียนรู้หลากหลาย แต่ทุกบริษัทที่เดินทางไป มันต้องเจอปัญหาหมด เราต้องแก้ปัญหาข้างหน้าไปเรื่อย ๆ แล้วก็ทำการแก้ปัญหาให้มันมีความสุขไป”

“แต่ถ้าถามว่าชอบการลงทุนไหน ที่รู้สึกสนุกสุดก็ต้องเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์อยู่แล้ว เพราะว่ามันเป็นการลงทุนที่เราขายความสุขให้คน และผลตอบรับคือเราได้รอยยิ้มกลับมา และถ้าทำให้ดี มีผลกำไรด้วย ก็ยิ่งเป็นการต่อยอดที่ดี”

อัพเดตเรื่องการงานไปแล้ว เราก็เข้าสู่การพูดคุยที่ตั้งใจจะคุยแต่เรื่องส่วนตัว และเรื่องครอบครัวแบบเบา ๆ จริง ๆ

Q : ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวชอบอะไรบ้าง

ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวชอบท่องเที่ยว แต่ไม่มีเวลาไปเที่ยวเท่าไหร่ นอกจากนั้นก็ออกกำลังกาย เป็นคนไม่ค่อยได้แพลนอะไรให้กับตัวเองเท่าไหร่ ด้วยความที่เรามีบริษัทต้องดูแลเยอะ ใช้เวลาคิดในการทำงานแต่ละบริษัท มันก็หมดเวลาแล้ว ผมเลยไม่ค่อยได้แพลนว่าตัวเองจะใช้ความสุขแบบไหน กลายเป็นว่าความสุขของผมคือการทำงาน การเรียนรู้กับบริษัทหลากหลายบริษัทมันเหมือนช่วยทำให้เราเก่งขึ้น ก็เลยไม่มีเวลาว่างไปเที่ยว

Q : แต่ช่วงที่มีแฟนก็เห็นไปเที่ยวเยอะ

ตอนมีแฟนมันเด็กกว่านี้ และเป็นความจำเป็นที่ต้องมีเวลาให้เขา เป็นไพรออริตี้อีกอย่างที่เราต้องทำ แต่ละคนก็มีความต้องการ เราก็พยายามจะสนอง

Q : ไปเที่ยวนาน ๆ เคลียร์งานยังไง

ความโชคดีคือสมัยนี้เป็นโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลกนี้ก็ยังสามารถทำงานได้ บางครั้งการได้ไปที่ใหม่ ๆ ได้เจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ก็อาจจะมีไอเดียใหม่ ๆ มันเป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน เวลาไปเที่ยวก็ยังทำงานอยู่บ้าง ไม่ได้ปิดการติดต่อ แต่ก็มีปิดเวลาไปนั่งสมาธิ ในหนึ่งปีจะมีการนัดกันไปนั่งสมาธิกับเพื่อน ๆ เพื่อล้างความคิด เพื่อดูตัวเอง โลกสมัยปัจจุบันมันมีข้อมูลข่าวสารเยอะมาก จนบางทีเราลืมว่าเราอยู่จุดตรงไหน พอเรานั่งสมาธิ มันทำให้เราหยุดทุกอย่างได้ และมาดูตัวเองว่าที่ผ่านมาเราทำมีประสิทธิภาพดีมั้ย ไม่น่าเชื่อถือเลยใช่มั้ยครับว่าผมนั่งสมาธิ (หัวเราะ ฮ่า ๆ ๆ) ภาพลักษณ์ที่สื่อมวลชนทำให้ผมไว้เนี่ยมันยากมากที่จะล้างออก

Q : สิ่งที่ได้จากการนั่งสมาธิคืออะไร

การนั่งสมาธิทำให้เรานิ่งขึ้น แต่ความนิ่งนั้นก็อยู่สักพักนึง พอมาอยู่ในโลกชีวิตจริงก็จะโดนกลืนไปกับกระแสความเร็วบนโลกชีวิตจริง ผมพยายามนั่งสมาธิวันละ 5 นาที ถ้าทำไม่ได้ก็สวดมนต์ ผมสวดมนต์บทพาหุงมหากาทุกคืน การนั่งสมาธิ 5 นาทีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ แต่อย่างน้อยมันเป็นการหยุดความเร็วการใช้ชีวิตสักแป๊บนึง เหมือนเตือนสติ เราทำนิด ๆ ก็ดีกว่าไม่ทำเลย เหมือนกับการออกกำลังกาย มันควรเริ่มจากทำทีละนิด แต่ถ้าคิดว่าต้องเตรียมให้พร้อมก่อนถึงจะเริ่มทำ วันที่เราจะพร้อมทำจริง ๆ มันไม่เคยถึงหรอก ถ้าเราไม่เริ่มทำ การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นเลย

Q : มีการแบ่งเวลาชัดเจนมั้ย งาน ครอบครัว ส่วนตัว

ไม่ได้ระบุขนาดนั้น แต่ว่าทุกวีกเอนด์จะตีกอล์ฟกับคุณพ่อ (ประยุทธ มหากิจศิริ) แล้วก็พาหลานไปเที่ยวทำกิจกรรม จะมีหนึ่งวันในหนึ่งสัปดาห์ที่เราได้ใช้เวลากับครอบครัว อยู่กับที่บ้าน อยู่กับหลาน ไปตีกอล์ฟกับพ่อนี่ต้องระบุเลยอาทิตย์ละครั้ง มันก็ทำให้สุขภาพดี เราก็เอ็นจอย มีความสุข เพราะเวลาคุยเรื่องงานกับพ่อจะความคิดไม่ค่อยตรงกัน แต่กีฬามันเป็นอะไรที่ต่อให้ไม่ตรงกันมันก็ได้ความสนุก มันบลัฟกันได้ มันคือความสุข ชีวิตคนเรามันไม่ใช่เรื่องงานอย่างเดียว มันยังมีหลายมิติที่เราต้องดูแล

Q : ที่บอกว่าเรื่องงานไม่ค่อยตรงกับคุณพ่อนี่ยังไง ช่วยยกตัวอย่างหน่อย

หลากหลายทางความคิดครับ วิธีการ การตลาด หลากหลายมาก พ่อกับลูกเนี่ยเป็นอะไรที่… พ่อก็จะคิดแบบหนึ่ง ลูกก็จะเข้าใจแบบหนึ่งแต่เราอยู่บนพื้นฐานของความรัก เราก็จะเข้าใจด้วยความรักว่าสิ่งที่พ่อ แนะนำเป็นแบบนี้ สิ่งที่เราพูดไป พ่อเข้าใจก็โอเค จะเคลียร์ได้

Q : เรื่องที่ได้เรียนรู้จากพ่อ หรือเรื่องสำคัญที่พ่อชอบสอนคืออะไร

พ่อเป็น doer เป็นนักทำ ทำทุกอย่างด้วยสปีดของคุณพ่อ แต่เราเป็น planner ตรงข้ามกันอย่างชัดเจนด้วยพื้นฐานทางความคิด ผมต้องขอดูข้อมูลก่อนจะทำอะไร ผมตัดสินใจบนฐานข้อมูลที่เยอะ คุณพ่อทำบนข้อมูลเหมือนกัน แต่แอ็กชั่นเร็ว มันก็ขัดแย้งกันว่าไทม์ไลน์การทำของเราช้ากว่าที่พ่อคาดหวัง เราก็อยากให้พ่อทำโดยที่มีข้อมูลเยอะ เป็นวิธีการของแต่ละคนที่อยู่คนละขั้วเราก็มาปรับกัน มันคือการเรียนรู้ความคิดที่แตกต่าง ผมว่ามันเป็นส่วนดี เพราะว่าถ้าคิดในทิศทางเดียวกัน มันจะได้แค่มุมเดียว โลกสมัยนี้ต้องพยายามเปิดรับข้อมูลให้เยอะ ๆ และพยายามเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดให้เยอะ ๆ ถ้าเราอยู่บนพื้นฐานความพยายามเข้าใจคนอื่น มันจะคุยกันง่าย อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อสอนแต่เด็กว่า ครอบครัวเราไม่ได้คุยกันด้วยเหตุผล แต่คุยกันด้วยความรัก พอมีความรักมันจะเกิดความพยายามทำความเข้าใจกัน พ่อบอกว่า ถ้าคุยกันด้วยเหตุผล มันคุยไม่รู้เรื่อง เพราะเหตุผลของตัวเองดีกว่าของคนอื่นเสมอ เราก็เอามาปรับกับการใช้ชีวิต

Q : เวลาอยู่กับครอบครัว คุยเรื่องงานไหม

ก็มีบ้างครับ นาน ๆ ทีเขาก็มีแทรก แต่อยู่ที่ว่าเราจะคุยต่อหรือเปล่า เราก็ทำนิ่ง ๆ ไป ตัดบท เดินหนี แต่เวลาตีกอลฟ์จะไม่คุย เพราะถ้าคุยจะตีไม่ดี ลูกผู้หญิงจะคุยกับพ่อง่ายกว่า เพราะความคาดหวังของพ่อจะมีต่อลูกชายมากกว่า ผู้หญิงก็จะรักเอ็นดู เหมือนผมกับหลาน พอเป็นหลานสาวก็รัก เอ็นดู ทำอะไรก็ไม่ผิด ขออะไรให้ทุกอย่าง แต่หลานชายก็เลี้ยงด้วยลำแข้ง

Q : เป็นคนติดหลาน หรือว่าหลานติดน้า-ติดลุง

ติดกันทั้งคู่ หลานติดโทรศัพท์ผมและติดความตามใจของผม ผมก็ติดหลานเพราะว่าผมได้ความคิดใหม่ ๆ ของเขา พลังงานใส ๆ และพลังงานเยอะ ๆ ของเขาผมติดหลานทางความคิด เพราะว่าผมโตแล้ว แต่เด็กมีความคิดอีกแบบ อย่างเช่นการลงทุนใหม่ ๆ ของผม ผมจะดูว่าหลานผมอายุ 10 ขวบเขาเล่นอะไรที่นำหน้าคนรุ่นโตอยู่ประมาณ 2-3 ปี อย่างเช่น บางแอปพลิเคชั่นที่เขาเล่น แล้วอีก 2-3 ปีก็เพิ่งมาเป็นที่นิยมในหมู่คนโต ๆ ผมก็เลยคอยถามเขาเสมอว่า ตอนนี้ทำอะไรอยู่ เล่นอะไรอยู่ เพราะเขาเป็นเทรนด์เซตเตอร์

Q : ได้ข่าวว่าหลานสาวหวงคุณน้ามาก ต้องขอคัดเลือกน้าสะใภ้

ตอนแรกเป็นแม่ ตอนนี้แม่ก็ไม่อะไรมาก แต่หลานสาวบอกว่าขอดูก่อนนะ หลานสาวอายุ 10 ขวบ แต่เขารู้จักวิเคราะห์คน ครั้งหนึ่งผมคุยโทรศัพท์ต่อรองงาน ผมเริ่มโมโห เพราะว่าพาร์ตเนอร์ของเราเริ่มไม่แฟร์ หลานสาวคนโตนั่งฟังด้วย มาตีผมบอกว่าใจเย็น แล้วเขียนบอร์ดว่าให้พูดอะไร มันโอเค เราก็พูดตาม โอ้โห คนนี้ใช้ได้ เป็นเพราะว่าผมให้เขาเข้าประชุมด้วย เหมือนที่พ่อให้ผมเข้าห้องประชุมด้วยตั้งแต่ 10 ขวบ ผมก็ใช้วิธีเดียวกันกับหลาน สมัยนี้เด็ก 10-11 ขวบนี่เก่ง รู้เรื่องเยอะเลย เด็กโตเร็วมาก เรียนรู้เร็วมาก เพราะข้อมูลที่เขาเรียนรู้มีเยอะกว่าสมัยผมเยอะ

Q : อยากมีลูกของตัวเองมั้ย

5 คนแล้ว พอแล้ว ผมเลี้ยงหลานเหมือนลูก ผมรักเขาเหมือนลูกจริง ๆ หลายคนบอกว่า ถ้าเป็นลูกตัวเองจะรักกว่านี้ แต่สำหรับผมเนี่ย ผมรู้ว่าความรักของผมคือะไร ผมได้ให้ความรักของผมที่สุดเท่าที่ผมให้ได้แล้ว มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

Q : หลานสาวมีเกณฑ์ไหมว่าน้าสะใภ้ต้องเป็นยังไง

เขาไม่ได้บอกครับ

Q : ตอนนี้มีคนคุยอยู่ไหม

ขอไม่พูดเรื่องส่วนตัวนะครับ วันนี้เรามาคุยเรื่องงาน (หัวเราะ ฮ่า ๆ ๆ)

Q : ทำไมสาวทุกคนที่ผ่านมาต้องเป็นดารานักแสดง

(พูดทวนคำถาม แล้วนิ่งคิด) โห คำตอบยากมากเลย ขอไม่ตอบได้ไหม

Q : นอกจากเที่ยวแล้วชอบอะไรอีกบ้าง

ชอบตีกอล์ฟ ชอบดูหนังมาก ก็ยังมีฝันอยากทำหนัง แล้วก็ชอบแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ ชอบเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพราะว่าโลกเรา ณ ปัจจุบันนี้ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว เราต้องเรียนรู้ให้ทัน ถ้าเราไม่ทัน เราจะตกหล่น

Q : หนังที่ชอบที่สุดคือเรื่องอะไร

หลายแบบครับ แต่ละแนวที่ผมชอบก็หลากหลาย หนังแอ็กชั่นที่ชอบที่สุดของผม คือ Bad Boys ที่วิลล์ สมิธ แสดงนำ

Q : ซีรีส์ที่เขาฮิตกันอย่าง Game of Thrones นี่ดูมั้ย

ดูครับ ดูตั้งแต่แรก ๆ ตอนนี้ยังไม่กล้าดู เพราะว่าผมเป็นคนไม่ชอบรอ มันอึดอัดที่ต้องรอ ผมจะให้มันจบแล้วดูต่อรวดเดียวเลย (ณ วันสัมภาษณ์ GOT เพิ่งจบ) ผมดูซีซั่น 7 ไปครึ่งเดียว แล้วตัดใจไม่ดูต่อ เพราะว่าทรมานที่ต้องรอซีซั่น 8

Q : มองเกมการเมืองใน GOT กับการเมืองในชีวิตจริงของเราตอนนี้ คิดว่ามีอะไรเหมือนหรือต่างกันมากน้อยแค่ไหน

อยากจะตอบนะครับ แต่ผมยังดูไม่จบ เลยตอบไม่ได้ ถ้าดูจบแล้วเดี๋ยวจะลองตอบ (หัวเราะ) เท่าที่ดูยังเทียบไม่ได้เลยครับ

Q : มีงานที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำมั้ย อยากไปเล่นการเมืองหรือเปล่า

ถ้าผมสามารถดูแลคนในธุรกิจและองค์กรได้ดีแล้ว ในอนาคตถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาประเทศได้ ไม่ว่าจะในฐานะใดฐานะหนึ่ง เราก็อยากทำ ณ วันนี้ผมก็มีสโคปในหน้าที่ที่รับผิดชอบให้ดีก่อน นอกเหนือจากนั้น ถ้าเรามีศักยภาพมากขึ้นก็อยากทำอะไรที่กว้างกว่านี้

Q : ถ้าให้เลือกหนึ่งกระทรวง

โห ยังไม่คิดถึงขนาดนั้น

Q : คิดว่าจะใช้ศักยภาพของตัวเองทำอะไรได้เหมาะสมที่สุด

อื้ม… (คิดแป๊บนึง) good question ผมเป็นคนทำงานหลากหลาย ผมเลยไม่รู้… (คิด) เราก็ทำเกษตรมาเยอะ การท่องเที่ยวเราก็ทำเหมือนกัน ไฟแนนซ์เราก็ทำมา เราเลยไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี คงเป็นเบสเกี่ยวกับธุรกิจครับ