จุรินทร์ เปิดทางขึ้นราคามาม่า ซองละ 8 บาท สั่งกรมการค้าภายในเช็กต้นทุน

มาม่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

จุรินทร์ รับต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นจริง เปิดทางกรมการค้าภายในพิจารณาราคาสินค้าเป็นรายบริษัท ต้องสอดคล้องต้นทุนที่แท้จริง กระทบผู้บริโภคให้น้อยที่สุด ย้ำ 6 บาท เป็น 8 บาทต่อซองสูงเกินไป

วันที่ 18 สิงหาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีการขอขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจาก 6 บาท เป็น 8 บาทต่อซอง ว่าตนได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในพิจารณาอย่างละเอียดตามรายบริษัท หากจำเป็นที่จะต้องพิจารณาในการขอปรับขึ้นราคาสินค้า

โดยยังย้ำนโยบายวิน-วิน โมเดล ทุกฝ่ายต้องอยู่ร่วมกันได้และจะต้องให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมไปถึงป้องกันปัญหาการขาดแคลนสินค้า การหยุดผลิตสินค้าของผู้ประกอบการด้วย และต้องสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ขณะเดียวกัน เมื่อต้นทุนการผลิตสินค้ามีการปรับลดลง ราคาสินค้าก็จำเป็นที่ต้องปรับราคาลดลงด้วย ทั้งนี้ ก้ต้องยอมรับถึงปัญหาที่ต้นทุนการผลิตสินค้าปรับขึ้น ทั้งในส่วนของราคาพลังงาน เช่น ค่าไฟ แก๊ส รวมไปถึงค่าขนส่ง ต้นทุนของวัตถุดิบ เช่น ข้าวสาลี ซึ่งส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ บวกกับปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้านี้ปรับขึ้น เพราะต้องนำมาผลิตเป็นเส้นหมี่ เส้นบะหมี่ นอกจากนี้ น้ำมันปาล์มขวดก็มีการปรับขึ้นราคา จากต้นทุนราคาผลปาล์มที่ปรับขึ้น แต่ปัจจุบันราคาก็ปรับตัวลดลงแล้ว

ส่วนบรรจุภัณฑ์ หรือซองบะหมี่ ที่ได้จากปิโตรเคมีก็ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น โดยปัจจุบันเหล่านี้ยอมรับว่าเป็นต้นทุนในการผลิตสินค้า แต่อย่างไรก็ดี กรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลก็ต้องพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ และมองว่าการปรับขึ้นราคาจาก 6 บาทเป็น 8 บาทต่อซองก็ยังเป็นราคาที่สูงเกินไป ซึ่งหากมีการปรับราคาดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ดี สุดท้ายหน่วยงานที่ดูแลก็ต้องพิจารณาการขอปรับขึ้นราคาสินค้าตามความเหมาะสม ส่วนระยะเวลาในการพิจารณาจะต้องให้แล้วเสร็จเมื่อไรนั้น ก็ให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งมีกรอบระยะเวลาอยู่แล้ว ดังนั้น ก็ต้องให้หน่วยงานที่ดูแลทำตามหน้าที่ตามกรอบของกฎหมายต่อไป