ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนต์ปรับลด หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
วันที่ 22 กันยายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนต์ปรับลด หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้ออีกร้อยละ 0.75 เป็นครั้งที่ 3 สู่ระดับร้อยละ 3.00-3.25 เป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นอกจากนี้ มีการประมาณการรอบใหม่ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจขยับขึ้นไปแตะระดับร้อยละ 4.40 ในช่วงสิ้นปีนี้ ก่อนขึ้นสู่ร้อยละ 4.60 ในปี 2023 สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจและการใช้น้ำมันโลก
โดยราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสซื้อขายเมื่อ 21 ก.ย. 2565 อยู่ที่ 82.94 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.00 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 89.83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 0.79 เหรียญสหรัฐ
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.ย. 2565 ปรับเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 430.8 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 2.2 ล้านบาร์เรล
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น หลังรัสเซียประกาศยกระดับการทำสงครามในยูเครน ด้วยการระดมกำลังสำรอง โดยคัดผู้ที่เคยมีประสบการณ์ทางทหารแล้ว 3 แสนนาย ไปร่วมการต่อสู้ในยูเครน พร้อมกับยืนยันว่าจะใช้ทุกวิถีทางในการปกป้องรัสเซียจากพันธมิตรชาติตะวันตก
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินเดียเริ่มกักตุนน้ำมันเบนซินไว้ใช้ในประเทศก่อนจะเริ่มปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ส่งผลให้อุปทานในภูมิภาคตึงตัวขึ้น อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในญี่ปุ่นปรับลดจากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่นนันมาดอล
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังรัสเซียระดมพลทหารบางส่วนในประเทศ เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ส่งผลให้ความตึงเครียดสูงขึ้น และเกิดความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดีเซลโลก