เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% รอบที่สาม โดยไม่เหนือความคาดหมาย และไม่เกินเลยแต่อย่างใด ประธานพาวเวลล์ย้ำ “ทำต่อ” ต้องสยบเงินเฟ้อให้ได้
วันที่ 22 กันยายน 2565 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด แถลงหลังจากผลการประชุมของคณะกรรมการเฟดออกมาเห็นชอบให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามของปีนี้ ด้วยข้อสรุปสั้น ๆ ว่า ‘keep at it’ หรือ “ทำต่อสิ”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
ผลการขึ้นดอกเบี้ยอัตรา 0.75% ดังกล่าวเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด และตรงตามกับที่เฟดส่งสัญญาณมาหลายครั้ง ว่าจะยังเดินหน้า “ทำต่อ” ในการต่อสู้กับเงินเฟ้อเพื่อจะฉุดลงให้ได้ หลังจากทะยานขึ้นไปสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ
ประธานเฟดกล่าวถึงการคาดการณ์ผลกระทบหรือ “ความเจ็บปวด” จากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องด้วยอัตรานี้ว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอยู่ในสภาพคืบคลาน ส่วนตัวเลขคนว่างงานจะสูงขึ้น พร้อมกับตลาดบ้านที่จะดิ่งลง ซึ่งตลาดบ้านเป็นปัจจัยเรื้อรังหนึ่งที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น จำเป็นต้องทำให้เข้าที่เข้าทาง
นโยบายของเฟดตอนนี้ ถือว่าใช้ยาแรงที่สุดนับจากปี 2008 ที่เกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ทำให้อัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ 3.00-3.25% และแสดงให้เห็นว่าดอกเบี้ยจะขึ้นจากระดับเฉลี่ย 4.25-4.50% ในสิ้นปีนี้ เป็น 4.50-4.75% ในสิ้นปีหน้า
นายพาวเวลล์กล่าวด้วยว่า เส้นทางของอัตราเงินเฟ้อ บ่งบอกว่าเฟดแก้ไขสถานการณ์ด้วยการฉุดเงินเฟ้อลงได้ จากที่เคยพุ่งขึ้นไปสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนจะเดินหน้าทำต่อไปจนกว่าบรรลุเป้าหมาย แม้ว่าจะเสี่ยงกับการที่คนว่างงานจะสูงขึ้น และการขยายตัวจะชะลอตัว
“เราต้องทำให้เงินเฟ้ออยู่ข้างหลังเราให้ได้” ประธานเฟดกล่าว และว่า “ผมก็เคยหวังว่าจะมีหนทางที่ไม่เจ็บปวดเพื่อจะทำสิ่งนี้ แต่มันไม่มี”
สำหรับเป้าหมายที่เฟดหมายมั่น บ่งบอกในแถลงการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ว่าการดึงภาวะเงินเฟ้อกลับมาสู่ระดับ 2% เป็นภารกิจที่คณะกรรมการยังคงมุ่งมั่น จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าเฟดยังจะขึ้นดอกเบี้ยแบบจัดหนักอีกในสิ้นปีนี้
จากการประเมินล่าสุด เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวเมื่อสิ้นสุดปี 2022 ที่ 0.2% แล้วเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.2% ในปี 2023 ต่ำกว่าศักยภาพของเศรษฐกิจ ส่วนอัตราคนว่างงานปัจจุบันอยู่ที่ 3.7% จะเพิ่มเป็น 3.8% ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 4.4% ในปีหน้า
รอยเตอร์รายงานด้วยว่า หลังเฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 20 ปี ดัชนีเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 111.63 หลังจากครั้งก่อนเพิ่มขึ้น 0.7% ไปที่ระดับ 110.97
ส่วนตลาดหุ้นในสหรัฐต่างปิดตัวดิ่งลงตามความคาดหมายเช่นกัน ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.7% ไปสู่ระดับต่ำสุดนับจากช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 1.7% ส่วนดัชนี แนสแด็ก วูบลง 1.8%.
…
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังคาดการณ์เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยขั้นสูงสุด